ตำนานพระธุดงค์ จ.สุรินทร์

เนื่องจากนี้ได้มีพระธุดงค์สองรูปที่ได้ธุดงค์อยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดสุรินทร์และได้จำวัดสวดมนต์อยู่เป็นเวลาหลายวันด้วยกันจากนั้นช่วงตีสี่พระทั้งสององค์ก็ได้ออกมาทำวัดสวดมนต์จนถึงเช้าจากนั้นได้ถึงเวลาบิณฑบาต

แต่ว่าพระอาจารย์ได้บอกกับเขาว่าวันนี้ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอกนั่งอีกสักพักชาวบ้านก็จะเข้ามาทำบุญที่นี่เองตัวของเขาก็เริ่มเอะใจและพระอาจารย์พูดต่อท่านจำเอาไว้เดี๋ยวตอนที่ชาวบ้านมาทำบุญใส่บาตรเรานั้นท่านจงสังเกตเอาไว้ให้ดีๆจะมีหญิงวัยกลางคนอยู่สองคนที่จะแต่งตัวไม่เหมือนคนในพื้นที่นี้และกับข้าวที่จะนำมาถวายเรานั้นก็จะไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปบริเวณนี้

ซึ่งพระพงษ์ท่านก็พึ่งจะบวชได้แค่เพียงเดือนเดียวเองแต่ก็ได้รับฟังในสิ่งที่พระอาจารย์นั้นได้บอกว่าและท่านก็ได้บอกต่อไปอีกว่าถ้าหญิงวัยกลางคนสองคนนี้เขานำข้าวและกับข้าวมาประเคนเราก็ต้องรับด้วยนะท่านไม่ว่าเขานั้นจะมาดีหรือว่ามาร้ายเราก็ต้องรับประเคนเอาไว้ก่อน

เมื่อพระพงษ์ท่านได้ฟังแบบนั้นก็ตกปากรับคำอาจารย์ไว้พอเวลาผ่านไปเข้าช่วงเจ็ดโมงเช้าชาวบ้านก็เริ่มมาจริงต่างพากันเข้ามาใส่บาตรในสมัยนั้นทางภาคอีสานชาวบ้านส่วนใหญ่จะแต่งกายคล้ายกันหมดเลยและก็เป็นตามที่พระอาจารย์ได้บอกเลยให้สังเกตหญิงสองคนที่แต่งกายไม่เหมือนชาวบ้าน

ซึ่งพระพงษ์ก็ได้เห็นมีผู้หญิงสองคนจริงโดยได้แต่งกายดีมากดูลักษณะอายุจะไม่เกิน50ปีเธอทั้งสองใส่กางเกงผ้าสแลคเสื้อธรรมดาผิดกับชาวบ้านคนอื่นๆพระพงษ์ก็สงสัยว่าพระอาจารย์มีเรื่องอะไรในใจกันแน่พอเสร็จจากการให้ศีลให้พรเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่ชาวบ้านจะเข้ามาประเคนข้าวกับข้าวที่ชาวบ้านนำเอามาใส่บาตรทำบุญกันนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวเหนียวและปลาที่จับได้ตามท้องนา

เมื่อถึงเวลาที่สองหญิงแต่งตัวไม่เหมือนใครที่พระอาจารย์ได้บอกเอาไว้เธอก็ได้แยกมาประเคนอาหารให้กับพระทั้งสองพระพงษ์ก็ได้สังเกตกับข้าวที่สองหญิงมาถวายให้กับพระทั้งสองนั้นเป็นข้าวสวยธรรมดาและอาหารก็ไม่เหมือนกับชาวบ้านจริงๆ

ในขณะที่หญิงกำลังประเคนหญิงดังกล่าวก็ได้พูดกับพระอาจารย์ว่าพระจารย์ไม่ใช่คนที่นี่คงจะฉันข้าวเหนียวไม่ค่อยชินก็เลยทำอาการภาคกลางมาถวายจากนั้นก็ได้ให้พรชาวบ้านจะได้กลับกันก่อนจะได้ไม่ต้องมารอพระฉันข้าวเสร็จแล้วพระจารย์ก็ได้หันมาบอกกับพระพงษ์ว่าอย่าได้ฉันข้าวที่หญิงคนนี้มาถวาย

โดยพระพงษ์ก็สงสัยพระอาจารย์ก็บอกว่าให้เอากับข้าวของหญิงสาวมาใส่เอาไว้ในบาตรให้หมดพอทำวัดเสร็จแล้วมาเปิดดูพระพงษ์กลับพบว่าเป็นเม็ดทรายและตะปูเต็มไปหมดตอนนั้นพระพงษ์ถึงกับอึ่งไปเลย

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า คือ

ประวัติตรุษจีนที่เกี่ยวกับพระเจ้าเตา

ประเพณีตรุษจีนนั้นถือได้ว่าเป็นประเพณีของประเทศบ้านเขาที่มีมาตั้งแต่ในสมัยยุคโบราณแต่ก็ยังไม่มีใครนั้นเข้าใจได้ว่าวันตรุษจีนนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งเมื่อไรกันหรืออาจจะเป็นในสมัยราชวงค์เซี่ยเมื่อ4000ปีที่แล้วในหนังสือของจีนที่ได้มีการระบุเอาไว้และได้เขียนยถึงประเพณีของจีนไว้

วันตรษจีนนั้นให้เรานั้นทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้และพยายามใส่ชุดใหม่ๆในวันตรุษจีนเมื่อความเชื่อกันว่าหากได้ใส่ชุดใหม่หรือมีจิตใจที่สดใสว่ากันว่าจะได้รับสิ่งดีๆเข้ามาและยังมีประเพณีที่ถือเหมือนๆกัน

อย่างหนึ่งว่าในตามประเพณีของจีนนั้นจะถือเรื่องมงคลตามประเพณีจีนของจะติดรูปเทพารักษ์และก็กราบกลอนเอาไว้ที่ประตูบ้านทั้งซ้ายและขาวเพื่อความเป็นสิริมงคลของครองครัวรูปเทพารักษ์ประจำตัวของจีนนั้นมีเรื่องเล่ากันหลายอย่าง

แต่ที่รู้กันมาในแพร่หลายก็คือเรื่องพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ได้ทำผิดสันญาเป็นเหตุให้พญามงกรได้ถูกประหารชีวิตเมื่อพระเจ้ามงกรตายไปแล้วพระเจ้าถังไท่จงก็เลยถูกวิญญาณมงกรรบกวนจนนอนไม่หลับในที่สุดก็หาวิธีแก้

โดยให้ทหารเอกมานอนเฝ้าหน้าประตูวิญญาณมงกรก็หายไปแต่การที่ให้ทหารมายื่นอยู่ทั้งปีทั้งชาตินี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราว่าทหารเอกก็จะต้องมีเวลาไปทำอย่างอื่นจากนั้นก็มมีผู้แนะนำให้เขียนรูปทหารเอกเอาไว้ที่ประตูแทนปรากฏว่าได้ผลเช่นเดียวกัน

จากนั้นก็ได้เกินเป็นประเพณีทำรูปทหารเอกเอาไว้ที่หน้าประตูสืบมาจากนั้นก็กลายมาเป็นสเทพารักษ์รูปทั้งสองนี้บางทีก็เขียนลงในแผ่นไม้ต้นท้อแขวนในที่ประตูในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่บางบ้านที่มีประตูบานเดียวก็จะมีรูปเจ้ารูปตูเดียวอีกชนิดหนึ่ง

คนจีนมีเจ้าหลายองค์เพราะฉะนั้นก่อนจะถึงวันตรุษจีนจะต้องทำความสะอาดบ้านเรือนเอาไว้คอยรับเจ้าเจ้าที่จะได้รับเชิญเข้ามาในบ้านนอกจากเจ้าประตูที่ว่าแล้วก็ยังมีเจ้าเตาซึ่งถือว่าเป็นเจ้าสำคัญประจำบ้านคือในเมืองจีนนั้น

ทุกบ้านจะมีเตาก่อด้วยอิฐโบกปูเหนือเตานี่ล่ะเป็นที่ประทับของเจ้าเตาตามรูปเขียนที่คนจีนนั้นเขียนเจ้าเตามีหน้าตาค่อนข้างไปทางสี่เหลี่ยมหน้าสี่เลี่ยมหูใหญ่เคายาวมีประเพณีเกี่ยวกับเจ้าเตาอย่างหนึ่งก็คือเมื่อเจ้าสาวได้แต่งกัน

แล้วเข้ามาอยู่ในบ้านสามีซึ่งแรกที่จะต้องทำก็คือจะต้องไหว้เจ้าเตาและเมื่อมีลูกชายก็ต้องให้ไปไหว้เจ้าเตารวมไปถึงไม่ว่าจะมีคนเจ็บคนตายก็ต้องรายงานให้เจ้าเตาทราบเพราะในตอนปลายปีของทุกปีเจ้าเตาจะขึ้นไปเฝ้าฮ่องเต้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  หวยออนไลน์บาทละ 1000

ตำนานเกี่ยวกับเกาะคำชะโนด

ซึ่งด้วยความแปลกของต้นคำชะโนดที่อยู่บนเกาะชาวบ้านในระแวกนั้นก็ได้มีความเชื่อกันไปต่างๆนานาเชื่อว่ามีพญานาคมาร่ายมนต์ใส่เกาะแห่งนี้บ้างหรือว่าเป็นเกาะผีบ้างแต่ว่าจะมโนไปอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ยุคนี้มันเป็นยุค5Gกันแล้ว

นอกจากนี้พวกเหล่านักวิชาการหัวใหม่เขาก็เลยเข้าไปศึกษาหาประวัติแล้วก็สืบค้นข้อมูลต่างๆเพื่อทำให้รู้ว่าเกาะแห่งนี้ทำไมมันถึงสามารถลอยน้ำได้แล้วก็รอดพ้นในการน้ำท่วมอยู่ทุกครั้งเลยเขาก็เลยมีทฤษฎีขึ้นมาว่าจริงๆแล้วตัวเกาะมันอาจจะไม่ได้เป็นพื้นที่โดยทั้งหมดเลยก็ได้มันอาจจะเป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนอะไรที่มันลอยน้ำอยู่

เนื่องจากนี้เขาได้สันนิษฐานกันว่าพื้นที่ของตัวเกาะมันจะมีความหนาอยู่ประมาณ3เมตรโดยเกิดจากการเกิดขึ้นมารวมตัวกันของรากไม้ทั้งนั้นเลยคือเจ้ารากไม้มันได้งอกออกมามันก็จะแพ่ออกไปแบบแนวนอนเกี่ยวแน่นกันจนกลายเป็นพื้นดินมันก็เลยทำให้เป็นพื้นดินทีแน่นแบบพิเศษที่มีโพงอากาศมากมาย

โดยได้มีการนำเอามาบวกกันของพวกซากพืชซากสัตว์ที่มันทับถมสะสมกันมาอย่างยาวนานกว่าหลายร้อยปีจนกระทั่งดูไม่ออกเลยว่ามันเป็นซากอะไรแล้วและจับตัวกันเป็นก้อนแข็งๆ

ทั้งนี้ด้วยเหตุทั้งหมดทั้งมวนนี้เองคำชะโนดก็เป็นเหมือนก้อนอะไรที่ลอยน้ำอยู่แต่ทว่ามันเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้นถ้าจะให้รู้จริงๆมันก็ต้องไปสำรวจกันใต้น้ำเลยแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเรื่องของความเชื่ออะไรนี้อีก

ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเขาก็เชื่อกันว่าที่แห่งนี้มันจะเป็นวังนาคินหรือว่าประตูสู่บาดารและมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิอะไรที่มันอยู่ใต้น้ำบ้างก็บอกว่าข้างใต้น้ำมันจะมีจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่มันก็เป็นบริเวณของเจ้าปู่ศีรสุทโธที่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณที่แห่งนั้นเชื่อว่ามันจะกินคนที่เข้ามาในเขตนี้แต่จระเข้มีจริงทำไมมันไม่โผล่ขึ้นมาเลยสักครั้ง

ดังนั้นด้วยตำนานที่มันโหดอย่างนี้แบบนี้มันก็เลยทำให้คนเขานั้นกลัวเรื่องราวของคำชะโนดก็เลยได้กลายเป็นเพียงตำนานเรื่องราวปริศนากันต่อมา

จนกระทั่งสุดท้ายแล้วก็มีนักประดาน้ำใจกล้าอาศัยที่จำดำน้ำลงไปพิสูจน์เองโดยนักดำน้ำคนนี้ก็เป็นนักดำน้ำของมูลนิธิที่ได้อาศัย

ซึ่งเอาจริงๆเขาก็แอบกลัวอยู่เหมือกันและพอพี่เขาได้ดำน้ำลงไปด้านข้างแล้วน้ำที่มันขุ่นๆอยู่ลงไปอีกปรากฎว่าน้ำนั้นใสสามารถมองเห็นสัตว์น้ำต่างๆได้เต็มที่เลยและเขาก็ได้พบเจอกับโพงหนึ่งมันมีความลึกมากและตามความเชื่อของชาวบ้านเขาบอกว่าโพงแห่งนี้มันสามารถไปได้ถึงใจกลางของเกาะเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  หวยดี

บึงพลาญชัยคือหลอน จ.ร้อยเอ็ด

ซึ่งเหตุการณ์ของบึงพลาญชัยได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้เข้ามาฆ่าตัวตายที่บึงแห่งนี้แล้วปรากฏว่าชาวบ้านในระแวกนั้นพบเห็นหญิงผู้นี้อยู่บ่อยครั้งจากนั้นได้มีผู้ที่สามารถสัมผัสกับวิญญาณได้เคยเข้าไปสัมผัสห้องน้ำที่เกิดเหตุแห่งนี้แล้วได้นั่งสมาธิแล้วได้นิมิเห็นวิญญาณของผู้หญิงคนนี้ยืนร้องไห้อยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมกับร้องขอให้ปลดปล่อยวิญญาณออกจากสถานที่แห่งนี้

นอกจากนี้ก็ได้ไปเชิญพระสงฆ์มาทำพิธิปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้โดยในปัจจุบันห้องน้ำสถานที่แห่งนี้ก็ได้มีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วและยังมีชาวบ้านบางคนที่กำลังวิ่งผ่านยังคงได้ยินเสียงร้องแต่บางคนก็ไม่ได้พอเจอเหตุการณ์ประหลาดหรือเรื่องที่หลอนๆของในสถานที่แห่งนี้เลย

เนื่องจากนี้เรื่องหลอนภายในห้องน้ำแห่งนี้แล้วก็ยังพบเจอเรื่องหลอนๆภายในบริเวณที่แห่งนั้นอีกและได้มีบุคคลหนึ่งเขาได้มาเขียนเรื่องเล่าที่สยองขวัญเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่าสิ่งที่เขานั้นได้พบเจอมันเป็นเรื่องจริงที่พบเจอกับตัวของเขาและเพื่อนเลย

เรื่องมันก็มีอยู่ว่าในระหว่างที่เขาและเพื่อนที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งแฟนที่บ้านโดยไฟที่ติดอยู่ในซองบ้านของแฟนค่อนข้างที่จะมืดจึงคิดว่าหากชวนเพื่อไปด้วยจะได้ไม่รู้สึกกลัวด้วย

เพราะเนื่องจากว่าเขานั้นเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะกลัวผีหลังจากที่ส่งแฟนเสร็จเขาและเพื่อนของเขาก็ได้ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านกันตามปกติขับผ่านวัดหนึ่งที่อยู่แถวๆบึงพลาญชัยในระหว่างที่พวกเขากำลังขับรถผ่านไปนั้นสายตาของเขาได้มองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งได้ยืนตรงข้ามกับวัด

ซึ่งในเวลาขนาดนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งเขาได้ขับผ่านผู้หญิงคนนี้ที่ยืนอยู่บริเวณริมทางตรงข้ามกับวัดด้วยความสงสัยเขาจึงได้คุยกับเพื่อนว่าเดี๋ยวเราลองขับไปดูทีดีกว่าว่าทำไมได้ออกมายืนในที่แบบนี้คนเดียวด้วยความสงสัยของเขาและเพื่อน

จึงได้ทำการวนรถกลับไปดูอีกรอบหนึ่งเขาก็ยังเจอผู้หญิงคนนั้นอยู่เช่นเดิมยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมสถานที่ๆที่เดิมแต่ในครั้งนี้เขาค่อยๆชรอรถดูว่าผู้หญิงคนนี้คือใครกันและแล้วอยู่ๆผู้หญิงคนนี้ที่ยืนอยู่ก็ค่อยๆหันหน้ามาหาเขา

ในขณะที่พวกเขากำลังขับรถเข้ามาใกล้ๆกับผู้หญิงคนนี้เธอก็ค่อยๆเงยหน้าแล้วก็หันมายิ้มให้กับพวกเขาและเขาทั่งสองคนได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ที่ค่อยๆหันมายิ้มให้นั้นมันมีลักษณะแปลกๆเพราะว่ารอยยิ้มที่เขาได้จากผู็หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นการส่งยิ้มที่ธรรมดา

สิ่งที่พวกเขานั้นพบเจอก็คือปากของผู้หญิงคนนี้ที่ได้ยิ้มให้กับพวกเขานั้นมีลักษณะปากได้ฉีกไปถึงงงใบหูทำให้พวกเขากับเพื่อนถึงกับหยุดน้ำตาเอาไว้ไม่หยุดแล้วก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สูตรหวยยี่กี 2ตัวล่าง lottovip

เรื่องเล่าหมู่บ้านลัดดาแลนด์

นอกจากนี้หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมหมกศพเอาไว้ที่ใต้บันไดบ้านจากนั้นก็ได้มีชาวต่างชาติก็ได้เข้ามาซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านลัดดาแลนด์แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านระแวกที่เกิดเหตุตรงนั้นแล้วก็ได้จ้างสาวชาวพม่ามาเป็นแม่บ้านประจำของหมู่บานแห่งนี้เพราะว่าชาวต่างชาติคนนี้เขาจะเข้ามาในประเทศไทยแล้วมาท่องเที่ยวในช่วงเวลาหน้าหนาวเพียงเท่านั้น

จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างแม่บ้านให้เข้ามาดูแลบ้านที่ตนซื้อเอาไว้อยู่ตลอดเวลาแต่ความซวยมันได้เกิดขึ้นตรงที่ว่าได้มีอยู่วันหนึ่งได้มีโจรได้บุกขึ้นบ้านชาวต่างชาติคนนี้แล้วหญิงสาวพม่าคนนี้ได้เห็นหน้าโจรที่กำลังปล้นบ้านจึงทำให้โจรพวกนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าปิดปากหญิงสาวชาวพม่าคนนี้แล้วทำการฆาตกรรมหมกศพเอาไว้ที่ห้องใต้บันไดเป็นระยะเวลานานกว่า2เดือนกว่าจะมีคนมาพบ

ซึ่งเหตุการณ์ตรงนี้มันเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดาตรงที่ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมตรงนั้นแล้วในระยะเวลา2เดือนและไม่มีใครรู้เลยว่าผู้หญิงชาวพม่าคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วและยังมีหลายๆคนได้พบเจอหญิงสาวชาวพม่าคนนี้ออกมาใช้ชีววิตและออกมาดูแลบ้านเหมือนคนปกติโดยทั่วไปเลย

เนื่องจากนี้ในเหตุการณ์ตรงนี้มันได้เป็นคำบอกเล่าของคนที่ได้อยู่ตรงนั้นเขาได้บอกเอาไว้ว่าในทุกๆวันเขาจะเห็นหญิงสาวชานพม่าคนนี้ออกมารดน้ำดูแลต้นไม้เก็บกวาดซักผ้าปูที่นอนอยู่ทุกวันแต่มีอยู่วันหนึ่งไม่เห็นผู้หญิงคนนี้ออกมาจากบ้านเลยแล้วบ้านที่มีต้นไม้ก็ขึ้นรกขึ้นไปเรื่อยๆแต่มันไม่ได้มีการดูแลแต่อย่างใด

นอกจากนี้มีอยู่วันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ที่เป็นแรงงานชาวพม่าเขาก็ได้ออกมาทำหน้าที่ของเขาต่อแต่มันมีลักษณะที่มันดูแปลกๆขึ้นนั่นก็คือเพื่อนบ้านที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเขาก็มีการทักทายได้มีการพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากหญิงสาวชาวพม่าคนนั้นเลย

ซึ่งการทำงานต่างๆที่เกิดขึ้นในเวลานั้นมีความช้าและสิ่งต่างๆที่ทำไปมันเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นและมันมีความรกร้างไปมากกว่าเดิมอีกด้วย

โดยเหตุการณ์ตรงนี้มันก็ได้สร้างความสงสัยและความประหลาดใจให้กับเพื่อนบ้านมากและมันได้มีอยู่วันหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากที่สุดนั่นก็คือมีอยู่วันหนึ่งเพื่อนบ้านขับรถผ่านมาหน้าบ้านแห่งนั้นและเจอหญิงสาวชาวพม่าคนนี้ยืนนิ่งๆขวางถนนอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อนบ้านเลยถามว่ามายืนทำอะไรคนเดียวจากนั้นก็ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใดเธอค่อยๆหันหน้ามาหน้าหญิงชาวพม่ามีใบหน้าที่เน่าไปหมดเหมือนศพที่ตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า2เดือน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยออนไลน์บาทละ 950

เรื่องราวของโนบิตะและชิซุกะ

ถ้าหากเพื่อนๆต้องรู้ว่าทำไมโดราเอมอนต้องมาช่วยโนบิตะล่ะก็เราก็อาจจะมองโดราเอมอนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปจากเจ้าแมวสีฟ้าๆใจดีก็อาจจะกลายเป็นแมวที่เห็นแก่ตัวที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเลยก็ว่าได้และทำไมโดราเอมอนถึงได้ชอบโดรายากิหรือว่าซึเนโอะมันมีความสำคัญอย่างไรกับปีศาจวันนี้เราก็จะมาแกะเร่ืองราวที่มันได้แฝงอยู่ในการ์ตูนโดราเอมอนกันพร้อมแล้วไปดูกันเลย

เราจะมาเริ่มชื่อของตัวละครของเรื่องกันก่อนเลย โดบิตะ ทั้งขี้เกียจขี้แงขี้แพ้จนหลายๆคนคิดว่า โนบิตะ คิดว่าต้องสื่อไปถึงพวกที่ไม่เอาไหนไปแล้วแน่ๆแต่มันไม่ใช่แบบนั้นเวลาที่เขาได้ตั้งชื่อลูกเขาคงจะไม่เอาอะไรแบบนี้มาตั้งหรอก

โนบิตะ นั้นเป็นชื่อที่คุณพ่อและคุณแม่ได้ตั้งขึ้นมาให้กับตัวของเขามีความหมายว่า ความเจริญก้าวหน้าอะไรแบบนี้เรื่องรางเรื่องนี้มันก็มีการ์ตูนอยู่ตอนหนึ่งที่ได้พูดถึงโนบิตะที่ได้เกิดขึ้นมาคุณพ่อของเขาก็ได้มองไปเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง

ซึ่งมันเป็นต้นไม้ที่สูงมากก็เลยอยากจะให้ชื่อของลูกตัวเองสูงเหมือนดั่งต้นไม้ที่สามารถจะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองแล้วก็เจริญเติบโตแต่ทำไมโตขึ้นมา ขี้เกียจเป็นที่หนึ่งแล้วที่ฮ่าไปอีกโนบิตะในตอนนั้นเขาก็ได้ใช้ของบางอย่างย้อนเวลากลับมาอยู่ในช่วงเวลานั้นด้วยแล้วก็เกิดอาการหงุดหงิด

เนื่องจากเขาได้คิดว่าพ่อแม่ที่ได้ตั้งชื่อแบบนี้มันเป็นการตั้งความหวังให้กับเขามากเกินไปก็กเลยโฒโหเข้าไปว่จะตั้งชื่อลูกเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้

โดยพ่อแม่ในตอนนั้นเขาไม่รู้ที่โนบิตะที่มาจากอนาคตเป็นใครก็เลยไล่เขาออกไปแล้วก็ได้มาถึงนางเอกของเรื่องก็คือ ชิซุกะ

ซึ่งชิซุะในภาษาญี่ปุ่นมันจะแปลกได้ว่ากลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสงบก็พอจะเข้ากับตัวของเธอดีแต่เชื่อหรือไม่ว่าชื่อนี้มันไม่ได้เป็นชื่อของชิซุกะที่คนเขียนเขาจะตั้งใจให้ตั้งแต่แรก

ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นในฉบับเก่าๆ ชิซุกะมีชื่อว่าชิซุโกะ ซึ่งได้ใช้เรียกชื่อเด็กหญิงในตอนแรกของการ์ตูนก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นชิซุกะแต่ว่าชิซุโกะมันจะแปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันคือถ้าจะให้เราแปลตรงๆแบบโง่ๆเลยก็คือบุตรตรีแห่งปลาสลิดอะไรประมาณนี้เพราะเราก็แปลไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  betbb

ตำนานคุกเกาหลีเหนือ

รู้กันหรือไม่ว่าของที่เรานั้นใช้กันอยู่ในบางอย่างมันอาจจะเป็นผลผลิตมาจากนักโทษเกาหลีเหนือการส่งเสริมอาชีพในคุกก็เป็นหนึ่งสิ่งที่จะทำให้นักโทษไม่ต้องรู้สึกเศร้าไปกับวันเวลาที่เปล่าประโยชน์ในคุก

ซึ่งคุกที่ได้ขึ้นชื่ออย่างคุกเกาหลีเหนือเองเขาก็มีนโยบาลที่ไม่ทำให้นักโทษต้องนอยเช่นกันว่ากันว่ากว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรมของเกาหลีเหนือมาจากแรงงานของนักโทษล้วนๆวันนี้เราจะมาพูดถึงโรงงานนกรในเกาหลีเหนือกัน

โดยสถานที่แห่งนี้จะไม่มีค่าจ้างต่ำวันหยุดน้อยสวัสดีการห่วยเพราะว่ามันไม่มีเลยแต่ทว่าสถานที่แห่งนี้เขาจะมอบเครื่องประดับงามๆสวยๆให้แก่นักโทษไม่ว่าจะเป็นรอยแผลจากการถูกตีรอยฟองช้ำจากการเตะต่อย

ส่วนสวัสดิการที่เหล่าพวกนักโทษจะได้รับนั้นก็จะเป็นวันหยุดพักร้อนที่ยาวเลยใน ฮวงซุ้ย เอาเป็นว่าเราไปดูกันว่านักโทษจะทำงานสนุกกันแค่ไหนที่โรงงานนรกแห่งนี้แล้วเขาจะมีอาชีพอะไรให้เขาทำกันบ้าง

สำหรับอาชีพแรกนั้นก็คืองานฝีมือรู้หรือไม่ว่าสินค้าที่ส่งออกหลายๆของเกาหลีเหนือที่พวกเราใช้กันอย่างเช่นเสื้อโค้ทกันหนาวเสื้อผ้าเด็กดอกไม้ปล่อยเสื้อยกทรงและยังรวมไปถึงพวกข้าวของเครื่องใช้ในบ้านที่เราได้ใช้กันในราคาถูกๆอย่างเช่นไม้กวาดไม้ถูกหรือแปรงชนิดต่างๆมันมีบางส่วนที่ได้ผลิตมาจากแรงงานของนักโทษเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้เมื่อได้เห็นสภาพของเกาหลีเหนือก็จะนึกถึงสาวโรงงานที่จะต้องนั่งเย็บผ้าจนปวดขานี่ก็คือสภาพของนักโทษหญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ในเกาหลีเหนือแต่สิ่งที่ได้ต่างไปจากสาวโรงงานก็คือพวกเขานั้นจะไม่ได้กินหมูปิ้งแล้วก็จะไม่ได้ค่าจ้างเลย

ซึ่งนักโทษแต่ละคนเหล่านั้นก็จะมีจำนวนของที่จะต้องผลิตให้ได้ในแต่ละวันตามคำสั่งของผู้คุมและข้างๆตัวของนักโทษก็จะมีกาละมังที่ใส่น้ำไว้ขนาดใหญ่เพื่อให้นักโทษได้ล้างมือบ่อยๆกับผ้าสีขาวที่นักโทษส่วนใหญ่วางเอาไว้ตรงตักเพื่อเอาไว้เช็ดมือไม่ให้มือที่เปื้อนไปปนเปื้อนในของที่พวกเขานั้นจะทำการผลิต

โดยทั้งหมดนี้ก็คือเบื้องหลังที่สวยงามก่อนที่จะถูกส่งออกไปนอกประเทศและด้วยความที่จะต้องเร่งทำงานเพื่อให้ทันเส้นตายนักโทษเหล่านี้ก็จะทำงานกินข้าวแล้วก็จะต้องนอนกันในห้องนั้นเลยบางทีถ้าเกิดมีออเดอร์มากๆงานเร่งสุดเขาก็จะต้องทำงานยาวถึงตีหนึ่งตีสองและจะได้อนุญาตใหนอนเพียงแค่2-4ชั่วโมง

ก่อนที่นักโทษหญิงเหล่านี้จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาให้เย็บให้ขาปวดกันต่อด้วยการนอนน้อยชนิดนี้เองก็ได้ทำได้บบ่อยครั้งที่นักโทษจะเผลอหลับไปในขณะที่ทำงานแต่พวกเธอก็ต้องสะดุงตื่นเพราะนิ้วมือของนางทั้งหลายได้ถูกเครื่องเย็บผ้าดูดมือเข้าไป

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี หวยดี

วันเลิกทาส 

เราเชื่อว่าวันนี้ประเทศไทยของเราคงจำกันได้ดีโดยที่ตรงกับวันที่ 1 ของเมษายนในทุกๆปี ซึ่งคนไทยจะค่อนข้างที่จะจำได้ดีเกี่ยวกับวันเหล่านี้เพราะว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสำคัญ ที่จารึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย โดยเป็นพระราชกรณียกิจ ที่มีความสำคัญ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และนั่นก็คือวันเลิกทาสของเรานั่นเอง 

วันเลิกทาสถือได้ว่าเป็นวันที่ได้มีการยกเลิกเกี่ยวกับ ระบบที่เราชนชั้นสูงและมีคำการตั้งขึ้น เพื่อเป็นการกดขี่ชาวบ้านให้เป็นการรับใช้พวกเขา หรือเป็นการทำงานแม้กระทั่งส่งทรัพย์สินส่วนตัวให้ โดยไม่มีกำหนดว่าจะมีการสิ้นสุดเมื่อไหร่ 

จะเห็นได้ว่าการเลิกทาสนั้น มีการเกิดขึ้นในแผ่นดินรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั่นแหละคือรัชกาลที่ 5 ของเรานั่นเอง โดยจะเห็นได้ว่าไทยของเรานั้นมีมากจริงๆ ซึ่งแพทย์จะมากกว่า 1 ใน 3 ของลับของพลเมืองที่อยู่ภายในประเทศเสียด้วยซ้ำ จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์นี้สืบเนื่องมาจากการที่พ่อแม่และเป็นภาพนั้น จะเป็นการส่งผลให้ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาส ส่งผลต่อให้พวกเขากลายเป็นท่าต่อไปเรื่อยๆ 

ด้วยความลำบากที่เราเห็นนั้นพวกธาตุต่างๆจะต้องทำการหาเงินเพื่อมาเป็นการไถ่ตัวเอง ถ้าหากไม่มีเงินมาไถ่ตัวเองได้ก็จะกลายเป็นทาสไปตลอดชีวิตหรือจนกระทั่งที่จะหาเงินมาขายชีวิตของตัวเองได้ ซึ่งกฎหมายถือว่ามีค่าตัวอยู่ในขณะนั้น โดยภายหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ถ้าขึ้นว่าจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงประกาศ พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาส พี่เป็นลูกไทยโดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ. ศ. 2417 ส่งได้แก้เกี่ยวกับ ค่าตัวของภาพในสมัยนั้นเสียใหม่ 

โดยเริ่มมีการลดลงตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 8 ขวบ จนกระทั่งหมดอายุเป็นทาสเมื่ออายุได้ 20 ปี ซึ่งถ้าหากอายุได้ 21 ปีแล้วก็ ภาพเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอิสระไปเลย เรื่องราวเหล่านี้มีผลตั้งแต่พศ. 2411 เป็นต้นไป นอกจากนั้นยังมีประกาศไม่ให้ขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไปให้เข้ามาเป็นทาสรับใช้อีกด้วย

ต่อมาในปี 2488พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงออกพระราชบัญญัติอีกรอบส่งให้ยกเลิกการเลิกทาส ร.ศ. 124  โดยมีการประกาศให้ลูกทาสของทุกคนเป็นไทย เหตุการณ์นี้ได้ประกาศเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2448 โดยธาตุประเทศอื่นหรือทาสที่ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยนั้น ส่งประกาศให้ลดค่าตัวโดยประมาณเดือนละ 4 บาทด้วยกัน นับตั้งแต่เดือนเมษายนนั้นเป็นต้นมา

นอกจากนั้นก็ยังคงทรงออกพระราชบัญญัติ เพื่อป้องกันบุคคลที่เป็นไทยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นกลับไปเป็นทาสอีกครั้ง เพลงทหารผ้าเหล่านั้นจะเปลี่ยนเจ้านาย ก็ต้องมีการระบุไว้ว่าไม่ให้มีการขึ้นค่าตัว แปลว่าถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดีของคนไทยซึ่งมีการประกาศการเลิกทาสเหล่านี้ถือได้ว่าทำให้คนไทยนั้นมีชีวิตที่ค่อนข้างจะดีขึ้นนับจากนั้นเป็นต้นมา

 

สนับสนุนโดย  สถิติหวยลาว 62

ยุคสมัยขอมโบราณ

เมื่อาณาจักรเจนละได้เสียทีให้แก่ชวา จากนั้นกษัตริย์ชวาก็ได้มีการแต่งตั้งพระเจ้าชัยวรมันที่2เป็นเจ้าโดยได้ขึ้นตรงต่อชวาแต่พระเจ้าชัยวรมันที่2นั้นพระองค์ได้กลับตั้งพระองค์ให้เป็นอิสระและได้รวบรวมอำนาจให้เป็นแผ่นอีกครั้งแล้วไปปลดแอกจากชวา

เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่2ไปรวมอำนาจเป็นปึกแผ่นแล้วจากนั้นท่านก็ได้สร้างพระนครหลวงขึ้นที่บริเวณทะเลสาบเขรม

ซึ่งในสมัยนครหลวงนั้นถือได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองอย่างสูงสุดอย่างประวัติศาสตร์ขอมหรือเขรมโบราณเป็นระยะที่วางรากฐานการปกครองที่กษัตริย์มีอำนาจดุจพระเจ้าหรือเทวะราชาได้มีการจัดระบบชลประทานที่มีขนาดใหญ่และได้กำหนดศิลาปะกรรมการก่อสร้างขนาดใหญ่จงถือว่าเป็นศิลปะกรรมที่ได้มีคุณค่าอย่างยิ่ง

นอกจากนี้นักประวัติศาสตร์ได้สันนิฐานว่าในสมัยที่ขอมรุ่งเรือนมีบริเวณที่อยู่ภายใต้การปกครองอาณาจักรสมัยนี้ก็คือประเทศกัมพูชาในปัจจุบันตอนใต้ของเวียดนามภายใต้ของลาวและภาคตะวันออกของไทยจากบริเวณที่ลาบสูงโคราชลงไปจนถึงจันทบุรีส่วนดินแดนลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นอาณาจักรทวาราวดี

ซึ่งในเขรมโบราณในสมัยนครหลวงในที่นี้เราจะขอแบ่งเป็น2ยุคที่มีความโด่งเด่นก็คือยุคเริ่มต้น (ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่10) กับ ยุครุ่งเรืองสูงสุด(ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่11-13) ส่วนในยุคเสื่อมนั้นจะไม่ค่อยมีอะไรสำคัญมากจะไม่ขอพูดอะไรมาก

สำหรับยุคเริ่มต้นก่อตัวเราจะกล่าวเฉพาะสมัยที่มีความสำคัญและได้มีผลงานเด่นเริ่มจากพระเจ้าชัยวรมันที่2ได้เป็นผู้รวบรวมอาณาจักรที่ได้ก่อตั้งนครหลวงแต่ก็ได้มีนักวิชาการได้สันนิฐานว่าพระองค์ไม่ได้เป็นผู้สร้างตัวเมืองพระนครจริงในสมัยของพระองค์นั้นได้มีบันทึกอยู่ในจารึกสลักกันทม

ซึ่งพระองค์นั้นได้เริ่มราชการของพระองค์ด้วยการสร้างเมืองหลวงได้ให้ชื่อว่า “อินทรปุระ” พระองค์ยังได้ให้พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อ “ศิวไกวัลย์” มารับราชการกับพระองค์และได้วางรากฐานการปกครองที่กษัตริย์อยู่ในฐานะอันสูงส่งที่เรียกว่า”เทวราชา” ถือว่ากษัตริย์นั้นเป้นภาคหนึ่งของพระศิวะ

ด้วยอำนาจอันศักดิ์สิทธิของพระศิวะให้มาสถิตอยู่ในกษัตริย์โดยได้ใช้พราหมณ์ผู้เป็นพิธีในศาสนานิยมสร้างศิวลึงค์เป็นสัญลักษณ์แทนพระศิวะและก็เป็นสัญลักษณ์แทนบุคลิกภาพของกษัตริย์ผู้สร้างนั้นด้วย

เนื่องจากนี้ก็ยังได้มีการเชื่อมั่นว่าอาณาจักรจะมั่นคงเป็นปึกแป่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการทำพิธีบูชาศิวลึงค์ได้อย่างถูกต้องหรือไม่วิหารที่ประดิษฐานศิวลึงค์นั้นก็จะต้องไปสร้างบนเนินเขาถ้าไม่มีเนินเขาตามธรรมชาติก็จะต้องจัดสร้างเนินเขาจำลองขึ้นมาแทนบนยอดวิหารนั้นถือว่าเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรและของจักรวาลอีกด้วย

ตำนานของเหมาเจ๋อตงพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศจีน

สำหรับเรื่องของผู้ชายคอมมิวนิสต์ที่ประเทศจีนนั้นจะต้องรักเดียวใจเดียวรักครอบครัวเป็นพ่อที่ดีไม่เที่ยวผู้หญิงไม่มีเมียน้อยตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่ออุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์เราต้องเข้าใจด้วยว่าการเลือกคู่ครองของคนในพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำได้ตามใจชอบทุกๆอย่าง

นี่จะต้องได้รับการผ่านการพิจารณาและอนุมัติจากกรรมการพรรคเพราะการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแต่เป็นเรื่องของความวัฒนาสถาพรของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์จะแต่งจะหย่าไม่ใช่นึกจะทำก็ได้

ประธานเหมาเจ๋อตงนี่ แต่งงานครั้งที่3 เพราะ ภรรยาคนที่1และคนที่2เสียชีวิตไม่ได้เลิกกันคราวนี้พอได้มีกิ๊กและต้องการจะแต่งงานกับกิ๊กกรรมการพรรคก็ปวดหัวและก็ไม่เห็นด้วยอย่างหนักเพราะว่านี่คือประธานพรรคต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีสิ 

นอกจากนี่ด้านภรรยาคนที่3ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เป็นสุดยอดตัวอย่างของผู้หญิงคอมมิวนิสต์ที่ดีอีกต่างหากไม่ได้มีความผิดอะไรเลยทำแบบนี้ไม่ได้แค่นั้นยังไม่พอตัวก๊กเองหรือว่า เจียงชิงก็เป็นผู้หญิงที่ผิดจากอุดมการณ์คอมมิวนิสต์มากๆคือได้เป็นนางเอกนครมีไลฟ์สไตล์แบบBourgeoisแบบนายทุนมากๆมาก่อนแล้วก็ยังได่มาวอแวกับผู้ชายที่มีเมียอยู่แล้วอย่างออกนอกหน้าอีกต่างหากแบบนี้คือผิดมากๆ

แต่ก็อย่างว่าเรื่องแบบนี้เคยมีใครห้ามกันได้ไหมสุดท้ายทางพรรคก็เลยยอมให้เหมาหย่าเมียคนที่3แต่ว่าก็มีข้อแม้อยู่หลายอย่างนั่นคือการแต่งงานครั้งที่4ต้องให้โลว์โปรไฟล์ที่สุดเจียงชิงจะไม่มีฐานะเป็นสุดภาพสตรีหมายเลข1ห้ามออกงานคู่กัน ห้ามร่วมประชุมพรรค ห้ามออกสื่อคู่กัน เป็นเวลา30ปี นี่มันเมียเก็บชัดๆก็ไม้แปลงถ้าเผื่อว่าเราเป็นเจียงชิงเราว่าเราย่าจะไม่โอเคพอสมควรเลยที่ถูกแก๊งผู้ชายรอบตัวแฟนมากะเกณฑ์ชีวิตมีสิทธิ์อะไรมาห้ามนั่นห้ามนี่ทำเหมือนว่าฉันเป็นตัวปัญหาน่ารังเกียจอะไรบางอย่าง

ซึ่งในความแค้นนี้ก็ยังต้องถูกเก็บงำเอาไว้เพราะว่าตอนนั้นเจียงชิงเองก็ไม่ได้อำนาจอิทธิพลใดๆนอกจากอิทธิพลเหนือเหมาเจ๋อตงที่ยังได้เป็นหัวหน้าทางฝ่ายกบฏยังยึดประเทศจีนไม่สำเร็จเป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองที่ถูกรัฐบาลไล่ล่าแต่ต่อมาอีกไม่กี่ปีหลายอย่างก็เปลี่ยนไป

ในปี1949พรรคคอมมิวนิสต์ได้ชนะสงครามกลางเมือง นายพลเจียงไคเช็คลี้ภัยไปตั้งรัฐบาลที่ไต้หวันเหมาเจ๋อตงประกาศตั้งสาธารณารัฐประชาชนจีนและได้กลายมาเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศใหม่และแม้ว่าจะเพิ่งตั้งประเทศจีนใหม่ก็ยังต้องทำสงครามใหญ่ๆอยู่อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะสงครามเกาหลีซึ่งต้องเรียกว่าเป็นชัยชนะที่งดงามของสาธารณะรัฐประชาชนจีนเพราะสามารถคงไว้ซึ่งระบอบคอมมิวนิสต์ในเกาหลีเหนือเรียกได้ว่ารบไม่แพ้สหรัฐอเมริกาว่าอย่างนั้นเถอะ