ความลับของบุคคลในประวัติศาสตร์ 

           Poe Toaster  

  ความลับของบุคคล   หากพูดถึงชื่อ Poe Toaster เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงนี้มาก่อน แต่ถ้าหากคุณเกิดทันในช่วงยุค 80 หรือว่ายุค 90  แล้วล่ะก็ เชื่อว่าน่าจะพอคุ้นหูกับชื่อนี้กันมาบ้าง เขาเป็นบุคคลที่เคยมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์แต่ก็เป็นบุคคลลึกลับเป็นอย่างมาก 

       สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงบุคคลในประวัติศาสตร์คนนี้กัน เขาคือ Poe Toaster  ซึ่งเราจะมาดูกันว่าในสมัยอดีตนั้นชื่อเสียงของ Poe Toaster โด่งดังขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องของอะไร หรือว่าเขาคือใครกันแน่ และเรื่องราวลึกลับของ Poe Toaster คืออะไร

      สำหรับคำว่า Toaster นั้นเป็นคำแสลงแปลว่าดื่มเป็นเกียรติให้ใครบางคน  ส่วน Poe นั้นคือชื่อของเอ็ดการ์อัลเลนโปนักเขียนชาวอเมริกันที่ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งวรรณกรรมแนวสืบสวน

ซึ่งชีวิตบั้นปลายก็ค่อนข้างลึกลับไม่แพ้กับหนังสือที่เขาเขียนนะครับแม้กระทั่งตอนใกล้เสียชีวิตเขาก็มีอาการเพ้อแปลกๆที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และคืนก่อนเสียชีวิตเขายังเพ้อถึงชื่อ Rainbow ๆหลายหนจนกระทั่งเสียชีวิตซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเรโนเทคคือใครกันแน่ 

      ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เป็นคำที่สื่อใช้เรียกชายลึกลับที่จะสวมชุดสีดำสวมหมวกปีกกว้างและผ้าพันคอสีขาวพี่จรินแก้วคนอยากให้กับตัวเองและดื่มเพื่อเคารพหลุมศพของ Poe Toasterบอกแมริแลนด์ทุกวันที่ 19 มกราคม

ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของโปรเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 1949 แล้วก็จะหายตัวเป็นยามค่ำคืนพร้อมกับทิ้งดอกกุหลาบ 3 ดอกเอาไว้พร้อมกับขวดคอนยัคที่เหลืออีกขวดจะมีผู้ชมมาชุมนุมกันที่หลุมศพของโปรทุกปีทั้งนักข่าวและผู้ที่ชื่นชอบโปรด้วยหวังว่าจะได้เห็น Poe Toaster ซึ่งก็ไม่ค่อยมีใครได้เห็นหรือได้ถ่ายรูปได้

       แต่ว่าครั้งหนึ่งก็มีคนถ่ายเอาไว้ได้และได้รับการตีพิมพ์โดยนิตยสาร Life ในปี 1999 ซึ่งจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความโด่งดังของเรื่องนี้หลายครั้ง Poe Toaster ได้ทิ้งโน้ตสั้นๆไว้เช่นก้าฉันยังไม่ลืมเธอเลยและในปี 1993

มีข้อความความลับระบุว่าคบเพลิงจะถูกส่งต่อในปี 1999 มีข้อความแจ้งว่าผู้บังคับศพในรุ่นแรกได้เสียชีวิตลงเมื่อปีก่อนและได้ส่งต่อประเพณีนี้ให้กับลูกชายและตั้งแต่ปี 2010 

Poe Toasterก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอีกเลยและไม่เคยปรากฏตัวอีกตั้งแต่นั้นมาเป็นการส่งสัญญาณว่าประเพณี 75 ปีนี้สิ้นสุดลง  และเป็นการสิ้นสุดความลึกลับของบุคคลในประวัติศาสตร์อีกคนหนึ่งเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

ตำนานเกี่ยวกับเกาะคำชะโนด

ซึ่งด้วยความแปลกของต้นคำชะโนดที่อยู่บนเกาะชาวบ้านในระแวกนั้นก็ได้มีความเชื่อกันไปต่างๆนานาเชื่อว่ามีพญานาคมาร่ายมนต์ใส่เกาะแห่งนี้บ้างหรือว่าเป็นเกาะผีบ้างแต่ว่าจะมโนไปอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ยุคนี้มันเป็นยุค5Gกันแล้ว

นอกจากนี้พวกเหล่านักวิชาการหัวใหม่เขาก็เลยเข้าไปศึกษาหาประวัติแล้วก็สืบค้นข้อมูลต่างๆเพื่อทำให้รู้ว่าเกาะแห่งนี้ทำไมมันถึงสามารถลอยน้ำได้แล้วก็รอดพ้นในการน้ำท่วมอยู่ทุกครั้งเลยเขาก็เลยมีทฤษฎีขึ้นมาว่าจริงๆแล้วตัวเกาะมันอาจจะไม่ได้เป็นพื้นที่โดยทั้งหมดเลยก็ได้มันอาจจะเป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนอะไรที่มันลอยน้ำอยู่

เนื่องจากนี้เขาได้สันนิษฐานกันว่าพื้นที่ของตัวเกาะมันจะมีความหนาอยู่ประมาณ3เมตรโดยเกิดจากการเกิดขึ้นมารวมตัวกันของรากไม้ทั้งนั้นเลยคือเจ้ารากไม้มันได้งอกออกมามันก็จะแพ่ออกไปแบบแนวนอนเกี่ยวแน่นกันจนกลายเป็นพื้นดินมันก็เลยทำให้เป็นพื้นดินทีแน่นแบบพิเศษที่มีโพงอากาศมากมาย

โดยได้มีการนำเอามาบวกกันของพวกซากพืชซากสัตว์ที่มันทับถมสะสมกันมาอย่างยาวนานกว่าหลายร้อยปีจนกระทั่งดูไม่ออกเลยว่ามันเป็นซากอะไรแล้วและจับตัวกันเป็นก้อนแข็งๆ

ทั้งนี้ด้วยเหตุทั้งหมดทั้งมวนนี้เองคำชะโนดก็เป็นเหมือนก้อนอะไรที่ลอยน้ำอยู่แต่ทว่ามันเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้นถ้าจะให้รู้จริงๆมันก็ต้องไปสำรวจกันใต้น้ำเลยแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเรื่องของความเชื่ออะไรนี้อีก

ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเขาก็เชื่อกันว่าที่แห่งนี้มันจะเป็นวังนาคินหรือว่าประตูสู่บาดารและมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิอะไรที่มันอยู่ใต้น้ำบ้างก็บอกว่าข้างใต้น้ำมันจะมีจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่มันก็เป็นบริเวณของเจ้าปู่ศีรสุทโธที่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณที่แห่งนั้นเชื่อว่ามันจะกินคนที่เข้ามาในเขตนี้แต่จระเข้มีจริงทำไมมันไม่โผล่ขึ้นมาเลยสักครั้ง

ดังนั้นด้วยตำนานที่มันโหดอย่างนี้แบบนี้มันก็เลยทำให้คนเขานั้นกลัวเรื่องราวของคำชะโนดก็เลยได้กลายเป็นเพียงตำนานเรื่องราวปริศนากันต่อมา

จนกระทั่งสุดท้ายแล้วก็มีนักประดาน้ำใจกล้าอาศัยที่จำดำน้ำลงไปพิสูจน์เองโดยนักดำน้ำคนนี้ก็เป็นนักดำน้ำของมูลนิธิที่ได้อาศัย

ซึ่งเอาจริงๆเขาก็แอบกลัวอยู่เหมือกันและพอพี่เขาได้ดำน้ำลงไปด้านข้างแล้วน้ำที่มันขุ่นๆอยู่ลงไปอีกปรากฎว่าน้ำนั้นใสสามารถมองเห็นสัตว์น้ำต่างๆได้เต็มที่เลยและเขาก็ได้พบเจอกับโพงหนึ่งมันมีความลึกมากและตามความเชื่อของชาวบ้านเขาบอกว่าโพงแห่งนี้มันสามารถไปได้ถึงใจกลางของเกาะเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  หวยดี