รูปภาพที่มีมาตั้งแต่ในยุควิคตอเรีย

 

ผู้ร่วมไว้อาลัย

มีการกล่าวถึงการจ้างผู้ร่วมไว้อาลัยมาตั้งแต่ในช่วงยุคสมัย ฟาโรห์ ของอียิปต์ สถานะหรือชนชั้นของผู้ตายจะถูกกำหนดจากจำนวนผู้ที่มาร่วมงานศพหลายครั้งจึงมีการจ้างผู้มาร่วมไว้อาลัยในยุโรปการปฏิบัตินี้ได้จางหายไปในช่วงศตวรรษที่18

แต่มันก็ได้กลับมาอีกอีกครั้งในศตวรรษที่19ผู้ร่วมไว้อาลัยอย่างบ้าคลั่งโบกมือไปมาด้วยความทุกข์โศกที่สำคัญ ยิ่งการแสดงของพวกเขาดีขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งได้รับค่าจ้างมากขึ้นเท่านั้นโดยเหล่าผู้ร่วมไว้อาลัยในจางหายไปในช่วง ยุควิคตอเรีย แต่ภาพของพวกเขายังคงอยู่ภายในรูปภาพที่ถ่ายได้ในช่วงเวลานั้น

ภาพหัวขาด

รูปภาพถ่ายในช่วงของยุตวิคตอเรียมันได้เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งมันได้มีการพัฒนาครั้งแรกในปี1856โดยช่างภาพชาวสวีเดน ออสกา เรแลนเดอร์ เมื่อเขาได้รวบรวมฟิล์มเนกาทีฟจนทำให้เกิดภาพซ้อนที่ดูแล้วแปลกประหลาดการนำเอาภาพฟิล์มเนกาทีฟมาประกอบกันเป็นที่นิยมมากในการสร้าง “ภาพหัวขาด”

หรือแม้แต่ภาพผู้คนที่ลอยได้การใช้เทคนิคนี้มันไม่ใช่เรื่อง่าย เนื่องจากอุปกรณ์และสารเคมีที่จะต้องใช้ค่อนข้างที่จะมีราคาสูงโดนภาพที่ถูกทำขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่กำลังถือหัวของเขา หรือ ภาพของชายที่กำลังถือหัวพร้อมกับมีดที่มีเลือดปลอมเลอะอยู่หรือแม้แต่ภาพ ที่นำใบหน้าของมนุษย์ของบุคคลไปวางซ้อน

บนมัมมี่ภาพหัวขาดเป็นที่นิยมมากเช่นชายที่ถือถาดอาหารโดยมีหัววางอยู่หรือแม้แต่ภาพเด็กที่ไม่มีหัวโดยในช่วงศตวรรษที่19ลูกค้าที่ได้มีความคลั่งไคล้ในรูปถ่ายประเภทนี้ขอให้ช่วยทำทุกอย่างของให้หัวลอยได้ภาพบุคคลที่ถือหัวอยู่ในมือ เฟอร์นิเจอร์ลอยได้ไปจนถึงภาพของตัวคนที่ลอยได้ซึ่งมันได้เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก

การทดลองทางจิตเวช

การทดลองทางจิตเวชที่ได้เกิดขึ้นมาในช่วงปลายยุคปี1800ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นการปฏิบัติที่ป่าเถื่อนซึ่งด้านจิตเวชและในการถ่ายภาพทั้งสองสิ่งนี้ถือได้ว่ามันเป็นเรื่องใหม่และในช่วงเวลานั้น ได้มีการนำสองสิ่งมาใช้ร่วมกันและเกิดผลลัพธ์ออกมาในเชิงบวก ดูเชน เดอ บูลอน

รู้สึกทึ่งกับการแสดงออกถึงสีหน้าและได้ทำการคิดค้นวิธีการใช้กระแสไฟฟ้าในการช็อตผู้ป่วยทางจิตเวช เพื่อการศึกษา วิธีการนี้เรียกว่า “การกระตุ้นผู้ป่วยด้วยกระแสไฟฟ้าราดิก”โดยชื่อนี้ได้ถูกตั้งขึ้น เพื่อเป็นการเคารพต่อ ไมเคิล ฟาราเดย์

ผู้บุกเบิกด้านแม่เหล็กไฟฟ้าและไฟฟ้าเคมี ดูเชน กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อด้วยกระแสไฟฟ้าจากเครื่องมือของเขาจากนั้นเขาก็ได้ถ่ายภากการแสดงออกและความผิดปกติของผู้ป่วยที่ถูกไฟฟ้าดูดเขาตีพิมพ์สิ่งที่ค้นพบ ในปี1862

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ อันดับ1