ชีวิตหลังความตายมันมีอยู่จริงหรือไม่

ชีวิตหลังความตายมันมีอยู่จริงหรือไม่และชีวิตหลังความตายนั้นเป็นอย่างไร?

ในกรณีของคนเราที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วจะกลับมาฟื้นอีกครั้งหนึ่งเปอร์เซ็นมันแทบจะเป็นศูนย์แต่มันได้มีบางกรณีที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมาฟื้นมีชีวิตอีกรอบ ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยและต่างประเทศเราก็ตกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอะไร

ตายไปแล้วฟื้นกลับมาได้หรือจริงๆทางหลักวิทยาศาสตร์เขาก็ได้อ้างอิงเอาไว้ว่าจริงๆร่างกายคนเรามันอาจจะยังไม่ตายร้อย%แต่เราลองนึกสภาพหัวใจหยุดเต้นร่างกายเย็นแต่คนเรากลับมามีชีวิตได้ยังไง

และบางคนเซลล์ที่อยู่ในร่างกายบางส่วนมันได้ตายไปแล้วก็เลยตกใจว่ามันคืออะไร ยกตัวอย่างในประเทศไทยเรามันจะมีอยู่กรณีหนึ่งที่ได้มีน้องคนหนึ่งที่ได้เสียชีวิตไปน้องมีอายุประมาณ10เหตุการณ์ประมาณ5-6ปีที่แล้วที่น้องนั้นได้ตายไปแล้วทางญาติหรือคุณหมอก็ได้จับตัวน้องตัวน้องยังอุ่นๆแต่อยู่ดีๆน้องเขาก็ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหลังจากที่ร่างกายตายไปได้ระยะเวลาก็หลายวันสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเซลล์ในร่างกายของน้องได้ตายไปบางส่วนแล้วและมือของน้องก็ได้เป็นเนื้อแห้งๆแข็งๆไม่สามารถที่จะขยับมันได้แล้วหากจะพูดง่ายๆ

มันก็จะเหมือนกับศพของมันมี่เนื้อมันแห้งๆไม่สามารถขยับได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้มันได้เกิดขึ้นในประเทศไทย เราก็เลยตกใจว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วมันสามารถกลับมาฟื้นได้อีกหรอมันหน้าแปลกใจมากแล้วอย่างในกรณีนี้มันไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมันเคยมีกรณีก่อนหน้านี้ถ้าใครไปหาอ่านข่าวได้ว่ามันได้มีคนบางคนเสียชีวิตไปแล้ว

ร่างกายนั้นเย็นมากแต่ฟื้นขึ้นมาได้ทางคุณหมอก็เลยงงมันเกิดอะไรขึ้นทางวิทยาศาสตร์ก็ยังบอกไม่ได้แต่เขาได้สันนิษฐานกันว่าเหมือนร่างกายมันช็อกทุกอย่างมันหยุุดทำงานไปแล้วและเหมือนร่างกายมันกลับมาได้มันก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ได้ว่ามนุษย์เราสามารถหยุดร่างกายเหมือนดับร่างกายแล้ว

เปิดขึ้นมาใหม่มันก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนที่จะพิสูจน์ได้หรือว่ามีหลักฐานในการยืนยันมันก็เลยคิดไม่ออกว่ามันได้เกิดขึ้นมาจากอะไร

ซึ่งในปัจจุบันนี้คนเราก็ยังไม่รู้ในต่างประเทศใช่ว่ามันจะไม่มีในต่างประเทศก็มีบางคนอยู่ในโลงกำลังเอาเข้าเตาเผาแล้วอยู่ดีๆเหมือนมีเสียงเคาะออกมาจากโลงศพที่มีคนตายปรากฎคนที่เสียชีวิตที่นอนอยู่ในโลงยังไม่เสียชีวิตแต่ถึงอย่างไรก็ยังโชคดีที่ยังไม่ถูกเผาทั้งเป็น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ความเชื่อตำนานแวมไพร์

 

สำหรับความเชื่อเรื่องแวมไพร์หรือว่าแดรกคิวล่า ซึ่งเราได้ไปค้นเจอข้อมูลที่สำคัญอยู่สองเรื่องใหญ่ๆที่เขาคลาดกันว่า แวมไพร์มันอาจจะมีอยู่จริงๆบนโลก โดยข้อมูลแรกเขาได้บอกเอาไว้ว่า จากความเชื่อของคนสมัยก่อนคนที่ได้ถูกฝั่ง

หรือว่าคนที่ได้ตายลงไปแล้วแต่ว่าร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย แสดงว่าศพนั้นคือแวมไพร์แต่แวมไพร์ในที่นี้ไม่ใช่ผีแต่มันได้เป็นโลกของแวมไพร์ โดยเรื่องนี้มันได้เกิดขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่13-15โดยประมาณ โดยคนในยุคก็ได้มีความเชื่อในเรื่องของภูผีวิญญาณทางฝั่งแทบยุโรปกันเป็นหลักและตัวช่วยของแวมไพร์ก็ค่อนข้างที่จะโด่งดังแล้ว

ก็มีทั้งเรื่องเล่าที่ได้บอกต่อๆกันมารวมถึงได้มีคนบางคนได้ออกมาปากประกาสว่าเคยเจอแวมไพร์ตัวจริงๆและเกือบโดนแวมไพร์บุกก็มีมาแล้วเหมือนกันจากนั้นเขาก็เลยต้องการที่จะพิสูจน์ว่าแวมไพร์มันมีอยู่จริงๆหรือเปล่า

โดยความเชื่อของคนในสมัยก่อนเชื่อว่าแวมไพร์จะต้องนอนอยู่ในโลงศพตอนเช้าเหมือนในหนังหรือว่าในนิยายที่เรานั้นได้อ่านและเขาก็ยังได้บอกอีกว่าในตอนเช้าแวมไพร์ก็จะมีสภาพเหมือนกับคนตายเลยแต่จะต่างกับคนตายตรงที่ว่าเนื้อหนังเล็บเส้นผมจะเสมือนว่ามีชีวิตอยู่ตลอดเวลาเส้นผมก็จะยาวขึ้นมาเรื่อยๆเล็บมันก็จะงอกออกเรื่อยเนื้อ

ก็จะไม่เน่าไม่เปื่อยจากนั้นเขาก็เลยได้มีการพิสูจน์ด้วยการที่ว่ามีข่าวหรือมีคนบอกต่อว่ามีแวมไพร์อยู่ที่นู้นที่นี่ที่ไหนก็จะมีคนเข้าไปตรวจสอบด้วยการขุดเข้าโลงศพที่อยู่ใต้ดินเอาขึ้นมาจากหลุมที่ฝั่งศพจากนั้นก้มาดูกันว่าศพที่นอนตายอยู่ในโลงนั้น

มันได้มีการเน่าเปื่อยตามระยะเวลาที่ได้กำเนิดหรือไม่ถ้าไม่เน่าเปื่อยก็จะสันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่าเป็นแวมไพร์โดยตามบันทึกเขาได้บอกว่าได้มีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีการเปิดโลงศพของคนที่ตายไปแล้วอยู่ประมาณ5โลงพร้อมกันขึ้น

มาปรากฎก็ได้พบว่า4โลงศพเน่าเปื่อยตามระยะเวลาแต่อยู่1โลงศพที่ไม่เน่าเปื่อยและยังได้มีสภาพเหมือนคนปกติโดยทั่วไประยะที่ศพตนนี้เสียชีวิตเวลามันก็ได้ผ่านมานานเป็นปีแต่ทำไมศพนี้มันยังไม่เน่ามันยังไม่เปื่อยเขาก็เลยสงสัยกันว่ามันเป็นไปได้ยังไง

และจุดที่มันได้แปลกมากที่สุดก็คือมีเลือดอยู่ที่บริเวณปากและมันได้ไหลลงมาที่บริเวณเสื้อ ซึ่งศพที่ได้เสียชีวิตมาแล้วปีกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีเลือดออกจากปากได้แล้วมันควรจะเน่ามันควรจะเปื่อยไปได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  bk8

คำสาปGrim The Reaper จะเกิดจริงๆในอนาคตบนโลกเราหรือเปล่า?

สำหรับเรื่องของGrim The Reaperเราเชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามกันมาแล้วว่ามันเป็นรู้แบบอะไรยังไง ซึ่งในตอนแรกพอเราได้ไปหาข้อมูลมาเราคิดว่ามันก็คงจะเป็นประวัติตำนานเกี่ยวกับเรื่องของภูผีปีศาจวิญญาณทั่วไป

แต่เอาจริงๆหาข้อมูลเข้าไปลึกเข้าไปเรื่อยๆมันจะมีเรื่องของตำนานที่ได้ทำนายถึงวันสิ้นโลก โลกจะแตก  วันพิพากษาของโลก เราเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะน่าสนใจแล้วก็นำเอามาเล่าให้ทุกคนได้ฟังพอสมควร

ถ้าหากเราพูดถึงภูผีวิญญาณบาปบุญคุณโทษเวรกรรมหรือแม้แต่สถานที่หลังความตายเราก็คงจะรับรู้กันมาบ้างแล้วว่ามันเป็นยังแล้วถ้าบอกว่าเรื่องพวกนี้มันได้อยู่คู่กับมนุษย์คนเราตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งถ้าหากเราลองเข้าไปหาข้อมูลกันจริง เรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะมีโครงที่ดูคล้ายๆกันแต่สถานที่และชื่อเรียกมันจะแตกต่างกันออกไป

ยกตัวอย่าง ศาสนาพุทธเราเวลาที่เราได้ตายลงไปแล้วถ้าเราทำบุญเราก็จะได้ขึ้นสวรรค์แต่ถ้าเราทำชั่วเรามีกรรมเยอะเราก็จะต้องลงนรกหรือศาสนาอื่นๆแม้แต่เราได้ตายไปถ้าเราทำดีเราก็จะได้ไปในสถานที่ดีๆในชีวิตหลังความตาย

แต่ถ้าเราทำชั่วเราก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนหรือเราอาจจะไปสถานที่หนึ่งที่มันไม่ใช่พบภูมิที่ดีสัดเท่าไหร่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นทรงประมาณนี้กันหมดเลยแต่เรื่องตำนานความเชื่อเหล่านี้ทุกๆเรื่องมันจะมีเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่างแน่ๆเลยคือพอเราได้ตายลงไปแล้ว

เราก็จะได้ประสบพบเจอกับหนึ่งๆสิ่ง ซึ่งสิ่งๆนั้นนั่นก็คือยมทูตนั่นเอง สำหรับยมทูตที่เราได้พูดถึงตรงนี้นั้นมันได้มีความหมายที่หลากหลายเยอะแยะมากมายแต่ถ้าเรากำจัดความโดยรวมมันก็คือวิญญาณที่จะมารับดวงจิตของเราไปหลังจากที่เรานั้นได้เสียชีวิตไปแล้วและสิ่งๆนั้นมันจะเป็นคนพาเราไปตัดสิ้นหรือพาเราไปสถานที่หลังความตายว่าเราจะได้ไปสถานที่ไหน

ซึ่งยมทูตที่เราได้พูดถึงตรงนี้มันก็จะมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไปตามความเชื่อของแต่ละพื้นที่อย่างของประเทศไทยเรายมทูตก็จะมีลักษณะเป็นผู้ชายร่างใหญ่มีผิวสีแดงดวงตาโตมีลักษณะที่เคล้ายกับยักษ์มีเขี้ยวพร้อมกับถือกระบองหรือว่าถืออาวุธเข้ามารับเราหลังจากที่เรานั้นได้เสียชีวิตไปแล้วตามในความเชื่อหรือถ้าเป็นศาสนาอื่นๆเขาก้จะมีรูปแบบของยมทูตที่แตกต่างกันออกไป

 

สนับสนุนโดย  bk8

ข่าวดังคุณป้าโวยวายถูกเชิญออกจากห้างเพราะไม่ใส่หน้ากากอนามัย

ข่าวนี้เป็นข่าวดังที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมนี้เองโดยมีคุณป้าคนหนึ่งเธอนั้นได้ไม่ใส่หน้ากากอนามัยและได้ทำการเข้าไปในห้างแห่งหนึ่ง

เพื่อซื้อของหลังจากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นเธอกำลังจะเดินเข้าไปใน Tesco Lotus โดยที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยคำเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้เธอออกไปจากห้องทันทีกลับไปที่บ้านใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้งและค่าเดินทางมาที่นี่อีกครั้งและถ้าทำอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่จะมีแจ้งจับตำรวจ

ซึ่งเมื่อคุณป้าคนนั้นได้ยินเธอก็โกรธเป็นอย่างมากและโวยวายรวมถึงสะกดคำหยาบมากมายหลายๆอย่างเจ้าหน้าที่นอกจากนั้นยังมีคนได้ถ่ายคลิปของเธอเอาไว้ซึ่งเธอยังบอกอีกว่าเธอนั้นเป็นหมอดำมากๆนอกจากนั้นเธอยังมาซื้อของเพื่อนำไปกักตุนไว้ที่บ้านที่ทำให้ใส่หน้ากากนั้น

เพราะเธอมีความเชื่อที่ว่าหากไม่ป่วยก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากและเธอมั่นใจว่าเธอจะไม่ติดเชื้ออย่างแน่นอนและเจ้าหน้าที่นั้นก็ได้ทำการยกพวกมาเจรจากับเธอแต่เธอพูดคำด่าคำหยาบมากมายสายเจ้าหน้าที่เสียงดัง

ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีคนถ่ายคลิปของเธอมากมายแต่ก็ยังสู้ต่อไปพร้อมกับหันหลังมานี้พวกคนที่ถ่ายคลิปบางครั้งพร้อมกับด่าด้วยคำหยาบอีกหลายคำด่าที่ไม่มีคําหยาบเลยคำเดียวก็คือหยุดถ่ายคลิปแบบนี้นี่คือประโยคเดียวที่ไม่มีคําหยาบจึงสามารถบอกได้ว่าคุณป้าคนนี้พูดคำหยาบมากมายหลายอย่างมาก

ซึ่งมีคนคนหนึ่งได้ถ่ายคลิปได้นำคลิปนี้ไปโพสต์ใน Facebook ของตนเองซึ่งเขาได้โพสต์ประมาณว่ามนุษย์ป้าคนนี้นิสัยไม่ดีเป็นอย่างมากต่อให้เป็นหมอรวมถึงแม้กระทั่งเป็นรัฐบาลก็ควรที่จะใส่หน้ากากอนามัยและทำตามกฎระเบียบ

เพราะถึงแม้ว่าจะมีคติประจำใจอย่างนั้นแต่ก็ควรที่จะทำตามกฎถ้าต้องการที่จะเข้าไปในสถานที่ต่างๆที่มีกรดเช่นนั้นดังนั้นจึงขอให้มนุษย์ป้าเหล่านี้ที่ทำตัวแบบนี้เห็นใจและเลิกทำนิสัยแบบนี้ค่ะ และเขายังได้กล่าวไว้อีกว่าใครก็ตาม

ที่ถูกเชิญออกจากห้างก็ควรที่จะไม่วุ่นวายและถ้าเกิดว่าเจ้าของหรือก็คือคนในคลิปนี้ได้ทำการอ่านข้อความและสิ่งที่เขาโพสต์ไปเขาก็เขาบอกไว้ว่าไม่ควรที่จะพูดคำหยาบเยอะขนาดนั้นและนอกจากนั้น

ยังเป็นการด่าเจ้าหน้าที่ด้วยรวมถึงแม้กระทั่งเธอไม่ใช่ของทางห้างไม่ใช่จะรักมึงมากแล้วทางของตัวเองโดนคนที่ใส่หน้ากากอนามัยกับเขาไปทั่วดังนั้นก็ดีแค่ไหนแล้วที่ทางเจ้าหน้าที่เลือกที่จะไม่แจ้งตำรวจจับเธอและเพียงแค่ชวนเธอออกจากห้างไปเท่านั้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8