ประวัติศาสตร์รัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์

นอกจากนี้หลังจากที่การลี้ภัยรัฐประหารไปยังประเทศจีน วันที่26กุมภาพันธ์2492 นายปรีดี พนมยงค์ พยายามที่จะยึดอำนาจ กลับคืนโดยความช่วยเหลือของอดีตพลพรรคเสรีไทยและพรรคพวกในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองแต่ก็ประสบความพ่ายแพ้ในเหตุการณ์ที่ได้เรียกกันต่อมาว่ากบฏวังวงศ์หลวงจนต้องหลบหนีออกจากนอกประเทศอีกครั้ง

ในขณะที่ นายปรีดี พนมยงค์ กลับไปลี้ภัยอยู่ในประเทศจีน รัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม ได้ดำเนินการกวาดล้างอำนาจของนายปรีดีอย่างขนานใหญ่ตั้งแต่การจับกุมคุมขังพูนสุขและปลานพนมยงค์บุตรชายตลอดจนเสรีไทยและนักการเมืองพรรคสหชีพหลายคนได้เสียชีวิตอย่างมเงื่อนงำภายใต้ของอำนาจรัฐที่นำโดยจอมพลป.พิบูลสงคราม

ซึ่งในบันทึกของนายเฉียบ อัมพุนันทน์ หนึ่งในคณะผู้ติดตามปรีดีในประเทศจีนระบุว่า เมื่อนายเฉียบ อัมพุนันทน์ ได้เดินทางถึงในประเทศจีนในเดือนสิงหาคม2493นั้นเป็นช่วงท้ายของการเจรจา ระหว่างนายปรีดีและระหว่างเจ้าหน้าที่ของจีนผู้หนึ่งทางด้านฝ่ายจีนก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนอาวุธให้แก่นายปรีดี พนมยงค์สงครามเพื่อที่จะกลับมาโค้นล้มรับบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม

โดยจะมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนคือการเพิ่มสิทธิ์ทางการเมืองของชาวจีนภายในประเทศไทยแต่ นายปรีดี พนมยงค์ ก็ได้ปฏิเสธ จึงทำให้ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ชาวจีนเลวร้ายลงส่งผลทำให้ผู้ที่ได้ติดตามไปบางส่วนเชื่อว่า นายปรีดี พนมยงค์ ได้กำหนดแนวทางการเมืองผิดพลาดและแยกตัวออกตัวไปในที่สุดหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏการเจรจาทางการเมืองอีกเลย

นายปรีดี พนมยงค์ลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศจีน21ปีก่อนที่จะย้ายไปยังกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสบทบาททางการเมืองในช่วงท้ายคือการเขียนบทความแสดงทัศนะปัญหาต่อสังคมการเมืองส่งมาลงวารรสารในประเทศเป็นระยะนักศึกษาและอาจารย์ที่มีความคิดก้าวหน้าต่างก็ได้ไปมากหาสู่อย่างต่อเนื่อง

ในประเทศไทยแม้ว่า นายปรีดี พนมยงค์ได้จากไปแล้วแต่กระบวนการใส่ร้ายป้ายสียังดำเนินต่อไปด้วยเหตุผลทา

งการเมืองอันซับซ้อนวิทยานิพนธ์เรื่องภาพรักษ์ปรีดี พนมยงค์กับการเมืองไทย พุทธศักราช2475-2426 นางสาวมารกตเจวจินดาชิ้นนี้ได้ระบุว่าภาพปีศาจการเมืองของ นายปรีดี ถูกสร้างและแต่งเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อประโชยน์ทางการเมืองของกลุ่มต่างๆตลอดระยะเวลากว่า40ปีที่ผ่านมา

ภาพของ นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้บงการกรณีสวรรคตภาพนักการเมืองผู้กหายอำนาจและภาพผู้ที่นิยมลิทธิคอมมิวนิสต์คือภาพด้านลบที่กลุ่มต่างๆพยายามที่จะสร้างให้กับนายปรีดีเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มตนกลุ่มนิยมสระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ฉายภาพลบของนายปรีดี พนมยงค์ โจมตีระบอบประชาธิปไตย

เพื่อเชิดชูการปกครองระบอบเก่ากลุ่มชนชั้นกลางและกลุ่มคนชั้นสูงใช้ภาพยศของปรีดีเพื่อรักษาระบอบเศรษฐกิจสังคมแบบเดิมยับยั้งการเติบโตของกลุ่มแนวคิดของสังคมนิยมอย่างพรรคสหพีชและพรรคแนวรัฐธรรมนูญ

 

สนับสนุนโดย  dewabet

ตำนานนิทานพื้นบ้านของภาคใต้ที่มาที่ไปของคนกินข้าว

            ตำนานที่จะพูดถึงในวันนี้เป็นตำนานของคนจังหวัดสงขลาที่พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องว่าคนนั้นเริ่มกินข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่และเหตุใดคนในปัจจุบันนี้ถึงกินข้าวซึ่งว่ากันว่าในสมัยโบราณนั้นผู้คนไม่รู้จักข้าวสารและผู้คนนั้นไม่ได้กินข้าว

แต่คนสมัยก่อนนั้นกินข้าวเปลือกหรือรำข้าวนั้นเองด้วยว่ากันว่าเมื่อชาวบ้านทำไร่ไถนาปลูกข้าวและได้ผลผลิตออกมาแล้วพวกเขาก็จะเอาผลผลิตที่เป็นเมล็ดข้าวเปลือกนั้นมาตากแดดให้แห้งหลังจากนั้นพวกเขาก็จะนำเมล็ดข้าวเปลือกมาตำให้ละเอียด

ซึ่งก็จะได้รำข้าวแยกออกมาส่วนเมล็ดข้าวที่เป็นสีขาวนั้นพวกเขาพากันเรียกว่าแก่นข้าวซึ่งชาวบ้านไม่นิยมกินแก่นเท่ากันแต่จะหันไปกินรำข้าวแทนส่วนแก่นข้าวนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะทิ้งขว้างๆอยู่แถวบริเวณรอบๆบ้านของตนเองเท่านั้นอยู่มาวันหนึ่งมีครอบครัวหนึ่งพ่อกับแม่ได้มีการทำรำข้าวให้ลูกชายกิน

แต่ลูกชายก็ไม่ยอมกินอีกทั้งยังร้องไห้โยเยเสียงดังโวยวายทำอย่างไรไม่ว่าจะปลอบหรือจะกอดแค่ไหนเด็กก็ไม่ยอมกินรำข้าวทำให้พ่อนั้นรู้สึกโกรธมากจึงได้ตะโกนต่อว่าพร้อมกับบอกว่าจะเอาแก่นข้าวหรือข้าวสารมาต้มให้กินเมื่อเด็กได้ยินดังนั้นก็เงียบเสียงร้องในทันทีพ่อกับแม่จึงได้เอารำข้าวให้ลูกกินอีกแต่ลูกก็ร้องไห้อีกด้วยความโกรธพ่อจึงได้เอาข้าวสารไปต้มแล้วนำมาให้ลูกกินหลังจากที่ลูกได้กินแล้ว

ก็เลิกร้องไห้และยิ้มหัวเราะชอบใจหลังจากนั้นก็นอนหลับพอแม่เห็นดังนั้นก็คิดว่าลูกของตนเองนั้นกินข้าวสารตายเสียแล้วต่างก็พากันร้องไห้ซึ่งลูกชายเมื่อได้ยินเสียงพ่อกับแม่ร้องไห้จึงลืมตาขึ้นมาวันต่อมาพ่อกับแม่ก็ตำรำข้าวให้กินอีกแต่เด็กก็ไม่ยอมกินอีกแต่เมื่อนำเข้าสารไปต้มมาให้กินเด็กกับกินและมีความสุขทำให้พ่อกับแม่นั้นหันมาต้มข้าวสารให้ลูกกินทุกวัน

และเมื่อเห็นว่าลูกกินแล้วมีความสุขและไม่ได้เกิดอันตรายอะไรพ่อกับแม่ก็เลยเริ่มที่จะกินข้าวสารต้มตามลูกร่างและเมื่อกินเข้าไปนั้นก็พบว่าข้าวสารที่ต้มนั้นอร่อยกว่าการกินรำข้าว นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครอบครัวนี้ก็พากันกินข้าวสารเลยมาและเลิกกินรำข้าวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาส่วนเพื่อนบ้านเมื่อเห็นว่าบ้านนี้มีการกินข้าวสาร

และไม่ยอมกินรำข้าวก็ได้ลองมาขอชิมดูบ้างซึ่งก็พากันติดใจว่าข้าวสารนั้นอร่อยกว่ารำข้าวและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วไปต่างก็หันมากินข้าวสารแทนและเลิกกินรำข้าวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทันทีและนี่คือตำนานที่เล่าขานกันว่ามนุษย์เรานั้นกินข้าวสารตั้งแต่เมื่อไหร่นั่นเอง 

 

 

สนับสนุนโดย  dewabet