เรือเหาะเเอล-8 ว่างเปล่าโดยปริศนาและ2สาเหตุการ์ที่น่าขนลุก

หญิงสาวปริศนา

ภาพถ่ายจากพิพิธภัณฑ์ครัสโนยาสค์ ในไซบีเรียของช่วงปี1900ได้เผยถึงบุคคลลึกลับที่มักจะปรากฎอยู่ในหลายๆภาพบุคคลนั้นคือหญิงสาวผู้ซึ่งไว้ผมเปียใส่ชุดขาวและสวมหมวกที่มีดอกไม้ประดับ ซึ่งเธอมักจะมองมายังกล้องที่กำลังจับภาพอยู่เสมอ

ในบางภาพเธอจะยืนอยู่บนหลังคาหน้าบริเวณสะพานรถไฟของเมืองครัสโนยาสค์และยังได้มีอยุ่อีกหลายภาพที่พบบุคคลนี้ยืนอยู่ใกล้กับเด็กคนอื่นอีกทั้งยังอยู่ตามบริเวณหน้าอาคารต่างๆในเมืองอีกด้วย

ซึ่งน่าแปลกที่กว่ายี่สิบภาพปรากฎเธออยู่ในต่างสถานที่และเวลาแต่ใบหน้าและการแสดงท่าทางของเธอไม่เคยเปลี่ยนเลยเธอนั้นดูโศกเศร้าปากและใบหน้าขอเธอดูบูดบึ้งแม้ในขณะที่เธอดูเหมือจะโพสท่าสำหรับการถ่ายรูปก็ตามทางนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์พยายามที่จะค้นหาว่าเธอคือใครแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุตัวตนของเธอได้

ภาพติดวิญญาณในวันงานแต่ง

ซึ่งรูปภาพนี้ได้เป็นรูปภาพของคู่บ่าวสาวที่ถูกถ่ายในปี1942ในเมืองแจสเปอร์ รัฐอลาบามา ซึ่งถ้าหากดูเผินๆก็อาจจะเป็นแค่เพียงภาพถ่ายธรรมดาแต่เมื่อได้สังเกตตรงบริเวณพุ่มไม่ที่อยู่ด้านหลังมันกลับมีบางสิ่งที่ชวนขนลุกติดมาด้วยสิ่งนั้นมันกำลังที่จะอ้าปากมีดวงตาสีดำ

โดยดูจากลักษณะแล้วบ่งบอกว่าสิ่งนั้นมันเป็นผู้หญิง ซึ่งมันได้ปรากฎขึ้นมาโดยที่ไม่ทราบถึงที่มาได้เลยทางด้านครอบครัวเจ้าของรูปได้กล่าวว่าพวกเขาพบรอยนิวสี่นิ้ววอยู่บนชุดเจ้าสาวซึ่งมันได้เป็นตำแหน่งเดียวกับที่วิญญาณปริศนาปรากฎในภาพไม่ว่าสิ่งที่ได้ปรากฎในภาพนั้นจะเกิดขึ้นเพราะภาพฟิล์มเก่าหรือเพราะแสงเงาก็ยังคงไม่มีการยืนยันแน่ชัด

เรือเหาะที่ว่างเปล่า

ในวันที่16สิงหาคม ปี1942 เรือเหาะเอล-8 พร้อมลูกเรือสองคนได้ออกจากสนามบินบนเกาะเทรเชอร์ในบริเวณอ่านซานฟรานซิสโกเพื่อการสำรวจและค้นหาเรือดำน้ำของญี่ปุ่น โดยหลังหนึ่งชั่วโมงต่อมาทางลูกเรือของ แอล-8ได้วิทยุมายังศูนย์บัญชาการว่าพวกเขาได้ตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันในปริเวณเกาะแฟราลอน

และกล่าวว่าพวกเขาจะเข้าไปสำรวจในบริเวณนั้นโดยได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ให้สแตนด์บายรอ” ทางด้านศูนย์บัญชาการพยายามหลายครั้งที่จะติดต่อกลับไปยังแอล-8แต่มันก็ไม่สำเร็จจึงได้มีการส่งทีมออกกตามหา

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้พบกับ แอล-8ที่บินอยู่ที่ความสูง2,000ฟุต ซึ่งเป็นระดับความสูงที่อาจทำให้เรือเหาะเกิดอันตรายได้ เรือเหาะได้ลอยหายเข้าไปในกลุ่มเมฆหลังจากนั้นประมาณ15นาทีมันก็ปรากฎออกมาและลมได้พัดพาเรือเหาะที่มีสภาพเสียหายขึ้นไปเหนือเดลี รัฐแคลิฟอเนีย

 

สนับสนุนโดย  rb88

ตำนานนางคนครัวเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า

   มีเรื่องเล่าขานมานานนมถึงเด็กสาวคนนึงที่แต่เดิมที่บ้านมีฐานะร่ำรวยแต่เมื่อแม่ได้เสียชีวิตลงไปพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งภรรยาใหม่ของพ่อนั้นก็มีลูกสาวติดมาด้วยอีก 2 คนแล้วต่อมาไม่นานพ่อของหญิงสาวคนดังกล่าวก็เสียชีวิตลงไป

ทำให้หญิงสาวต้องอยู่กับแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนจากเดิมที่มีชื่ออันไพเราะสะสวยกับถูกเรียกขานใหม่ว่าเป็นนางซินเดอเรลล่าหญิงสาวก้นครัว ซินเดอเรลล่าอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงในบ้านของตนเอง

ซึ่งแม่เลี้ยงได้ฮุบมรดกของซินเดอเรลล่าทั้งหมด และเลี้ยงดูซินเดอเรลล่าเหมือนกับสาวใช้เพราะเธอต้องทำงานบ้านเองทุกอย่างโดยที่แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองคนทำตัวสบายเหมือนกับเป็นนายจ้างอยู่มาวันหนึ่งทางพระราชวังได้มีการประกาศให้มีการเชิญชวนหญิงสาวที่ยังไม่มีพันธะกับชายใดเป็นหญิงสาวที่โสดไปงานเลี้ยงในปราสาทราชวังแม่เลี้ยงได้พาพี่สาวทั้งสองคนของเธอเดินทางเข้าไปที่ปราสาทเพื่อหวังจะได้เต้นรำกับเจ้าชายและได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชาย

แต่ในขณะเดียวกันติดกันให้ซินเดอเรลล่าอยู่แต่ในบ้านและทำงานบ้านหากทำงานบ้านไม่เสร็จเธอก็ไม่สามารถไปไหนได้แต่ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พบปัญหาใหม่อีกว่าเธอไม่มีชุดที่จะสวมใส่ไปในงานและนั่นเองทำให้มีนางฟ้าใจดีลงมาช่วยเหลือเธอ ด้วยการใส่ชุดให้เธอสวมใส่รองเท้าแก้วให้เธอใส่ไปงานรวมถึงเสกรถฟักทองเธอไปยังปราสาทราชวัง

และเมื่อเธอเข้าไปในงานเจ้าชายก็หลงเสน่ห์เธอและเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนที่นางฟ้านัดกับซินเดอเรลล่าให้รีบกลับบ้านเพราะหลังเที่ยงคืนไปแล้วเธอจะกลายร่างเป็นนางก้นครัวเหมือนเดิมทำให้ซินเดอเรลล่าต้องรีบวิ่งออกมาจากประสาทและสะดุดล้มตรงบันไดมีผลให้รองเท้าข้างนึงของเธอตกอยู่รุ่งเช้าเจ้าชายจึงได้ให้ทหารออกติดตามหาเธอจนไปถึงบ้านของแม่เลี้ยงของซินเดอเรลล่าและในที่สุดเจ้าชายก็ได้พบกับซินเดอเรลล่าและแต่งงานกันในที่สุดตำนานของซินเดอเรลล่าเป็นตำนานเล่าขานถึงความรักอันยิ่งใดที่เจ้าชายมีต่อซินเดอเรลล่าถึงแม้จะเหลือ

แค่รองเท้าข้างเดียวให้ดูต่างหน้า เจ้าชายก็พยายามติดตามหาตัวเจอหน้าหญิงที่รักจนพบและสามารถได้ครองคู่กันนิทานเรื่องนี้เป็นนิทานในตำนานที่เด็กๆชื่นชอบกันเป็นอย่างมากหากพ่อแม่เล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนเด็กๆส่วนใหญ่ก็จะนอนหลับฝันดีนิทานเรื่องนี้ยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายครั้ง

รวมถึงวิธีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเรียกว่าถึงแม้จะผ่านมากว่า50 ปี แต่งนิทานเรื่องนี้ก็ยังถือว่าเป็นนิทานอมตะของวอลดิสนี่เลยทีเดียว นิทานเรื่องนี้ยังอยู่ในใจของใครหลายๆคนรวมถึงเด็กๆในปัจจุบันก็ยังต้องหาซื้อนิทานเรื่องนี้มันอ่านกันทุกคน 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนมาจาก  rb88