รัสเซียเตรียมบุกยูเครนในต้นปี65

โดยประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในข้อพิพาทในพื้นที่ชายแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีผ่านมาล่าสุดสถานการณ์ในพื้นที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งหนึ่งหลังจากรัสเซียได้มีการส่งทหารไปเกือบ100,000นายเข้าไปประชิดพื้นที่ชายแดนที่ติดกับยูเครนทำให้ตอนนี้ในส่วนของสหรัฐ

ซึ่งเป็นฝ่ายที่หนุนหลังยูเครนอยู่ได้มีการส่งเรือลาดตระเวนชายฝั่งสองลำไปให้กับทางยูเครนแล้วก็บอกว่าพร้อมที่จะช่วยในการเสริมกำลังทหารอย่างเต็มที่ถ้าได้รับการร้องขอมาโดยหน่วยความกรองของยูเครนได้ออกมาประเมินสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่ายูเครนกับรัสเซีย

โดยมันอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ารัสเซียอาจจะใช้กำลังทางทหารบุกเข้าไปโจมตียูเครนจะเป็นการโมจตีทั้งทางอากาศและทางบกด้วยโดยจะใช้กำลังทหารเข้าไปอย่างน้อยๆ10 เส้นทางด้วยกันใช้กำลังทหารอย่างน้อยๆ 49,000 คนเลยทีเดียวแล้วก้คาดว่าการโจมตีนี้อาจจะเกิดขึ้นจริงในช่วงต้นปีหน้านี้

เพราฉะนั้นก็จะเหลือเวลาแค่เพียง1เดือนเศษๆเท่านั้นในการเตรียมกำลังของทั้งสองฝ่ายสถานการณ์แบบนี้ไม่ดีเลยซึ่งหน่วยข่าวกรองด้านการป้องกันประเทศยูเครนรายงานว่ารัสเซียตอนนี้มีทหารพร้อมรบมากกว่า92,000นายที่ตอนนี้ได้ถูกส่งไปประชิดพื้นที่พรมแดนในฝั่งที่ติดอยู่กับยูเครนและก็เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีรอบใหญ่ที่คาดว่า

อาจจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนมกราคมปี2565หรืออย่างช้าก็จะเป็นต้นเดือนกุมภาพันธุ์โดยตอนนี้มีการสู้รบกันไปมาระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่เมืองโดเนต

ซึ่งยูเครนได้มองว่ารัสเซียเองที่เป็นฝ่ายอยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฎกลุ่มนี้ขระที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือของยุโรปได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมบางส่วนเกี่ยวกับแนวทางการระดมกำลังของทหารรัสเซียเพื่อนำไปประชิดพรมแดนยูเครนใกล้กับจุดสู้รบในแถบภูมิภาคที่เป็นพื้นที่โดเนต

ส่วนทางด้านผู้บัญชาการของยูเครนอธิบายเพิ่มเติมว่าตอนนี้ในส่วนของทางฝั่งรัสเซียเตรียมโจมตีทั้งภาคทางอากาศและเตรียมการทิ้งระเบิดจากปืนใหญ่นอกจากนั้นยังมีการจัดส่งพลร่มและกองกำลังพิเศษมากขึ้น3,500คนเข้าไปประชิดพื้นที่ยูเครน

ก่อนที่จะวางแผนบุกพร้อมกันอย่างน้อยๆ10แนวรบในพื้นที่รอบชายแดนโดยทั้ง10แนวรบนี้ประกอบไปด้วยกำลังทหาร94,000นายรถถัง1,200คันปืนใหญ่1,600กระบอกเครื่องบินอีก330ลำเรือรบ75ลำเรือดำน้ำ6ลำเรียกได้ว่าทั้งทางบกทางน้ำทางอากาศมาครบ

ภาระกิจนี้เรียกว่าเป็นการบุกรุกอย่างเต็มรูปแบบเต็มสูบเข้าใส่ยูเครนโดยตรงโดยที่ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของสภาพอากาศซึ่งตอนนี้ที่รัสเซียเองอากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียวเพราะว่าจริงๆแล้วรัสเซียเตรียมการเรื่องนี้มานานพอสมควรในการเตรียมซ้อมรบมาก่อนล่วงหน้าเพื่อจะบุกยูเครน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  หวยฮานอย บาทละ 1000

น้ำมันพรายเสน่ห์นางหลง เรื่องราวน้ำมันพราย

เรื่องราวน้ำมันพราย ตำนานที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์ของไทยนั้นนับว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยมีทั้งที่ใช้ทำร้ายผู้คนให้ได้รับความทุกข์ทรมานหรือใช้ช่วยเหลือส่งเสริมให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

ซึ่งเราจะมีพูดถึงเรื่องของน้ำมันพรายที่เป็นของอาถรรพ์ทางด้านมหาเสน่ห์น้ำมันพรายนั้นขึ้นชื่อเรื่องการสะกดจิตใจบังคับใจด้วยอำนาจของไสยศาสตร์จัดเป็นคุณไสมนดำสายล่างอย่างหนึ่ง นำมันพรายนี้ถ้าหากว่าใครโดนเข้าไปเป็นอันจะต้องเกิดความลุ่มหลงขาดสติต้องยอมมอบกายมอบใจให้แก่ผู้ที่ใช้น้ำมันพรายนั้น

โดยใครที่ถูกใช้น้ำมันพรายไปนานๆในที่สุดก็จะเสียสติวิกลจริตกลายเป็นคนบ้าไปในที่สุดน้ำมันพรายเป็นศาสตร์ชนิดของเหลวและวิธีที่จะได้มานั้นจะต้องนำเอาเทียนไปลนเทียนที่คางของศพเพื่อที่จะเอาน้ำเหลือจากศพมาปลุกเสกด้วยเวทมนต์

ดังนั้นจึงต้องใช้ศพที่ยังสดๆอยู่เท่านั้นและแน่นอนเลยว่าสภาพของศพนั้นย่อมมีการขึ้นอืดบ้างบางครั้งก็ถึงกับเน่าดูน่ากลัวน่ากลัว “ผู้ที่รู้วิชาทำน้ำมันพรายนั้น” ส่วนมากมักจะเป้นอาจารย์ไสยศาสตร์ที่โน้มเอียดไปทางสายมนต์ดำมักจะยึดอาชีพเป็นหมอผีทำน้ำมันพรายจริงบ้างปลอมบ้างเอาออกมาขายกันมากมาย

นอกจากนี้การทำน้ำมันพรายถือเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอย่างยิ่ง

และเป็นการกระทำที่ทารุณกรรมกับสัตว์อีกด้วยเมือ่การทำน้ำมันพรายนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามผู้ที่จะปลุกเสกนั้นจึงจำเป็นต้องแอบลักรอบเข้าไปทำในป่าช้าและต้องรีบทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ถ้าทำอะไรช้าๆและมีคนพบเห็นเข้าจะต้องโนญาติพี่น้องของผู้ตายรุมประชาทันอย่างแน่นอน

เนื่องจากนี้ก่อนที่จะทำพิธีในป่าช้านั้นต้องจัดเครื่องเส้นไปให้นายป่าช้าก่อนเชื่อกันว่านายป่าช้าที่ปกปักคุ้มครองภูติผีวิญญาณทั้งหลายคือ ยายกะลา และ ยายกะรี

หรือบ้างท้องถิ่นก็เรียกว่า ปู่สังกะสา ย่าสังกะสี ส่วนของเครื่องเส้นนั้นตามตำราโบราณมักบอกเพียงว่าให้จัดกุ้งพล่าปลายำพร้อมกับเหล้าไปเส้นไหว้แล้วเครื่องเส้นผีตามจารีดนั้นจะใส่เป็นกระทงหรือกระบะสามเหลี่ยม

เมื่อผ่านขั้นแรกมาแล้วขณะหมอผีก็จะพากันไปที่หลุมศพของหญิงสาวตายทั้งกลมและจะสังเกตได้ง่ายเพราะเหนือบนดินของหลุมศพนั้นจะมีหนามพุทราวางอย่ไปทั่วและหนามเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันสุนัขที่จะมาคุ้ยศพ

แต่มันเป็นการกระทำของสัปเหร่อที่มีวิชาอาคมได้วางหนามพุทราสะกดวิญญาณไม่ให้ผีตายทั้งหกลมออกมาอาระวาดหลังจากที่เจอหลุมศพแล้วหมอผีจะสัง่ให้เอาหนามพุทราออกให้หมด

ในระหว่างที่ทำการเอาหนามออกและได้ทท่องคาถาเพื่อถอนหรือคายมนต์สะกดไปด้วยหลังจากถอนมนต์สะกดออกไปแล้วหมอผีจะใช้มีดหมอปักลงดินแล้วงัดเปิดขึ้นมารอบๆหลุมศพเป็นการเบิกธรณีก่อนที่จะให้ผู้ติดตามขุดดินปาดหลุมออกจนถึงฝาโลง

 

สนับสนุนโดย.  เว็บหวย ไม่มี เลขเต็ม เลขปิด

วิหาร1,300ปี ยังเป็นข้อถกเถียงกันว่าถูกสร้างขึ้นจากอุปกรณ์อะไร?

    วิหาร1,300ปี หรือวิหารไกรลาศหรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อว่าวิหารพระศิวะหนึ่งในปริศาสนาของโลกที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าจริงๆแล้วที่วิหารแห่งนี้มันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร เพราะด้วยกลไกวิศวกรรมบางอย่างชี้ชัดได้ว่ามนุษย์ในยุคนั้นไม่มีทางที่จะสามารถสร้างสถาปัตยกรรมในลักษระนี้ได้เลย

ซึ่งวิหารไกรลาศได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ถ้ำเอโรล่าประเทศอินเดียจากการตรวจสอบพบว่าวิหารแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว1,300ปีที่แล้วจากเรื่องเล่าตามตำนานได้ระบุเอาไว้ว่ากษัตริย์ที่ชนะผู้ป้องครองจักรวรรดิราชกุดที่ถือเป็นมหาอำนาจในอินเดียทางตอนใต้ในยุคนั้นได้เป็นผู้ก่อสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นมา

เนื่องจากพระมเหสีได้เกิดอาการล้มป่วยจากโรคที่ไม่อาจจะรักษาให้หายขาดได้พระองค์จึงได้อธิษฐานจิตต่อพระศิวะว่าจะสร้างวิหารถวารให้หากพระนางนั้นได้หายเป็นปกติในที่สุดอาการป่วยของพระนางก็ทุเลาลงแล้วหายขาดจากโรคดังกล่าวพระองค์จึงได้สร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น

จากการตรวจสอบพบว่า วิหาร1,300ปี ได้ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น8ปีจึงแล้วเสร็จมีความสูงของตัววิหาร18.29เมตรและความยาวอยู่ที่60.29เมตรเต็มไปด้วยช่องทางลลับใต้ดินลึกลงไป40-50ฟุตบางจุดมีความยาวกว่า10เมตรโดยเส้นทางดังกล่าวมีขนาดเล็กกว่าเกินที่มือของมนุษย์จะแทรกเข้าไปได้

นอกจากนี้คำถามก็คือสมัยเมื่อ1,300ปีที่แล้วมีอุปกรณ์ชนิดไหนกันที่จะสามารถขุดเจาะเส้นทางในลักษณะเช่นนี้ได้และนี่มันไม่ใช่เหตุผลเดียวที่จะทำให้วิหารไกรลาศมีชื่อเสียงแล้วถูกพูดถึงแต่เป็นเพราะวิหารดังกล่าวสร้างจากการแกะสลักก้อนหินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียว

เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าหินก้อนนี้น่าจะมีน้ำหนักโดยรวมที่มากกว่า400,000ตันนับววส่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆเพราะโดยปกติแล้วสถาปัตยกรรมลักษณะนี้จะแกะสลักจากด้านนอกเข้าไปยังด้านในแต่วิหารไกรลาศกลับใช้วิธีการก่อสร้างในการแกะสลัดจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง

เนื่องจากอุปกรณ์ของช่างในยุคนั้นจะมีเพียงแค่ค้อนปอนด์ลิ่มสิ่วจึงเป็นไปด้วยความยากลำบากแต่วิหารแห่งนี้กลับใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างสำเร็จในระยะเวลา18ปีเท่านั้นจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่าหากจะต้องขนซากหินจากการแกะสลัดในทุกๆวันวันละ12ชั่วโมง

โดยประเมิลจากคนงานที่น่าจะเหมาะสมกับพื้นที่คือ1,000-2,000คนกลับปรากฎว่าในระยะเวลา18ปีจะไม่สามารถขนหินดังกล่าวออกจากพื้นที่ได้หมดนี่ยังไม่รวมถึงการแกะสลัดงานที่ละเอียดอ่อนที่แม้แต่ในช้างปัจจุบันมีเครื่องมือที่ทันสมัยอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการแกะสลัดมากกว่า5-10ปี

 

สนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 1000

นั่งห้างกลางป่าสุดหลอน

สัตว์ป่าได้มีอยู่หลากหลายเผ่าพันธุ์ที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติสัตว์บางชนิดก็เป็นสัตว์ที่หายากและยังได้มีการดำรงเผ่าพันธุ์ลดน้อยลงไปกันทุกทีแต่สิ่งที่มีชีวิตไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าสัตว์ล้วนจะมีวัฏจักรของชีวิตเวียนไหว้ตายเกิดเป็นธรรมชาติ

เมื่อในป่ามีผู้ล่ามันก็จะต้องมีผู้ถูกล่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะทุกชีวิตจะต้องมีการหาวิธีในการเอาตัวรอดด้วยเหมือนกันหากจะพูดถึงมนุษย์เราก็มีมากมายหลากหลายอาชีพที่ต่างคนก็มีความถนัดและความชำนาญที่แตกต่างกันออกไปทำให้อาชีพที่คนใช้ดำรงชีวิตย่อมมากไม่ว่าจะเป็นหาของป่าค้าขายทำสวนทำไร่ทำนาเราเองก็ไม่สามารถไปดูถูกในอาชีพของผู้อื่นได้

ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงชีวิตของนายพรานนายพรานนี้เป็นอาชีพในการออกหาล่าสัตว์ป่าบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นอาชีพที่โหดร้ายและได้เป็นการเบียดเบียนชีวิตของสัตว์ในป่าแต่ถ้าหากจะพูดในมุมมองของนายพรานการที่คนเราจะเข้ามาประกอบอาชีพเป็นนายพรานได้นั้นมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครต่อใครจะมาเป็นกันได้

โดยลักษณะของการเป็นนายพรานถือเป็นอาชีพที่เป็นความเสี่ยงต่อชีวิตเช่นกันการที่เข้าไปในป่านั้นจะต้องพบเจอกับสัตว์ป่าที่อันตรายนั่นก็หมายถึงการเอาชีวิตของเราเข้าไปเสี่ยงด้วยเช่นกันการเป็นนายพรานจะต้องหมั่นฝึกฝนทักษะของตัวเองอยู่เสมอเพื่อความไม่มาทในการเข้าป่าในทุกๆครั้งจะต้องฝึกทักษะของตัวเองไม่ว่าจะเป็นการดูรอยเท้าของสัตว์ป่าการฟังความเคลื่อนไหวของสัตว์ป่าหรือแม้กระทั่งการฝึกยิงปืนอยู่สม่ำเสมอ

นอกจากนี้ในการเป็นนายพรานก็จะต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทในทุกๆครั้งที่เข้าป่าโดยเรื่องราวภายในป่านั้นมันจะมีเรื่องราวที่แปลกใหม่ขึ้นอยู่เสมอรวมไปถึงเรื่องราวลี้ลับที่เราต่างก็ไม่เคยพบเจอนายพรานเมื่อจะเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ต่างก็ดักยิงสัตว์เหล่านั้นเพื่อดำรงชีวิตของพวกเขาเอง

ถ้าหากว่าได้เข้าป่าไปแล้วโชคดีก็จะได้สัตว์ป่าที่หายากแต่ถ้าหากว่าในบางครั้งที่โชคไม่เข้าข้างแล้วละก็นายพรานก็สามารถกลับมาด้วยมือเปล่า

โดยที่นายพรานนั้นไม่มีสัตว์ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาเลยการล่าสัตว์ของพวกนายพรานนายพรานบางคนก็เข้าป่าล่าสัตว์โดยที่ไม่ไหวเรื่องของเงินทองเขาหวังเพื่อแค่ล่าสัตว์เพียงแค่ให้ดำรงชีวิตอยู่รอดได้ก็แค่นั้นเองเขาไม่ต้องการอะไรแต่อย่างใดแม้แต่เงินทอง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.    เว็บพนันต่างประเทศ ถูกกฎหมาย

ตำนานหมู่บ้านหนองมน

       สำหรับหมู่บ้านหนองมนนั้นเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดชลบุรีซึ่งมีตำนานเล่าขานถึงที่มาที่ไปของชื่อหมู่บ้านผมรู้ว่าในสมัยโบราณนั้นคาดว่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปีขึ้นไป

ในช่วงเวลาดังกล่าวที่หมู่บ้านแห่งนี้มีคนอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมากแต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นชาวบ้านต่างก็พากันบาดเจ็บล้มตายเพราะไม่มีหมอมารักษาเนื่องจากสมัยโบราณนั้นการหาหมอรักษานั้นค่อนข้างหายาก

และยิ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญยิ่งไม่มีหมอเดินทางเข้ามารักษาทำให้คนในหมู่บ้านต่างก็พากันบาดเจ็บล้มตายอยู่มาวันหนึ่งได้มีพระสงฆ์รูปหนึ่งได้มาปักกลดธุดงค์อยู่ตรงบริเวณใกล้ๆกับหมู่บ้านดังกล่าว

ซึ่งตรงบริเวณที่พระธุดงค์ปักกลดนั้นมีหนองน้ำอยู่เมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีพระธุดงค์มาปักกลดก็เดินทางมาทำบุญนำอาหารมาถวายรวมถึงมาขอร้องให้กับพระสงฆ์นั้นให้ช่วยเหลือปัดเป่าโรคภัยออกจากคนในหมู่บ้านด้วยพระสงฆ์องค์นี้นั้นมีเน็ตอัปเดต

และมีคาถาและเป็นพระสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมจึงได้มีการเสกน้ำมนต์ขึ้นมาแล้วให้ชาวบ้านนั้นเอาไปดื่มกินเพื่อขจัดโรคภัยไข้เจ็บเมื่อชาวบ้านนำไปกินก็สามารถรักษาอาการป่วยได้เรื่องราวดังกล่าวจะมีการเผยแพร่ออกไปชาวบ้านต่างก็พากันมารวมตัวขอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากพระสงฆ์องค์

ดังกล่าวซึ่งจำนวนชาวบ้านที่เดินทางมาขอรับน้ำมนต์นั้นมีค่อนข้างมากทำให้พระสงฆ์นั้นทำน้ำมนต์เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยแทบไม่ไหวจนในที่สุดชาวบ้านต่างก็พากันขุดบ่อน้ำตรงที่ผสมอยู่เพื่อขยายพื้นที่และให้พระสงฆ์นั้น

บริกรรมคาถาลงในบ่อน้ำดังกล่าว ทีเดียวแล้วชาวบ้านจะได้ตักไปดื่มกินซึ่งพระสงฆ์องค์นั้นก็ได้มีการทำน้ำมนต์ลงในหนองน้ำแห่งนั้นและเมื่อชาวบ้านต่างพากันไปปักเพื่อนกินก็สามารถขจัดโรคภัยไข้เจ็บได้จนในที่สุดก็สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ทั้งหมู่บ้านซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านหายจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว

เพราะที่ลงดังกล่าวก็ได้เดินทางไปยังที่อื่นเพราะชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันย้ายที่อยู่อาศัยตรงบริเวณที่มีหนองน้ำที่พระสงฆ์เคยทำเป็นน้ำมนต์เอาไว้และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการตั้งชื่อหมู่บ้านดังกล่าวว่าหมู่บ้านน้องน้ำมนต์

โดยหวังว่าจะเป็นการแสดงความเคารพนับถือไปถึงพระภิกษุสงฆ์องค์นั้นที่ได้มีการช่วยเหลือชาวบ้านเอาไว้และพอเวลาผ่านไปเนิ่นนานจากหมู่บ้านหนองน้ำมนต์ก็กลายเป็นหมู่บ้านหนองมนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซึ่งทุกวันนี้หมู่บ้านหนองมน ยังคงมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน และชาวบ้านต่างก็เล่าตำนานนี้ให้กับลูกหลานได้ฟังสืบต่อกันมา

 

สนับสนุนโดย.    สูตรหวยยี่กี

ตำนานเขาคิชกุฎ

สำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องของเขาคิชกุฎตรงนี้ถ้าเอาตามที่ได้บันทึกเอาไว้นั่นก็คือเขาคิชกุฎตรงนี้เป็นภูเขาที่มีอยู่ในอำเภอมะขามจังหวัดจันทบุรี โดยสถานที่แห่งนี้มีตำนานเกี่ยวกับเรื่องของ รอยพระพุทธบาท อยู่

ซึ่งพอได้มีเรื่องราวตรงนี้เกิดขึ้นก็เลยทำให้สถานที่ตรงนี้กลายเป็นสถานที่ที่คนเข้ามากราบไหว้บูชาสักการะกันอยู่ตลอดเวลาใช้คำว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้ตรงนี้หลายคนก็คงจะสงสัยว่าและรอยพระพุทธบาทที่เราได้พูดถึงตรงนี้มันคืออะไรกันแน่

ดังนั้นถ้าหากเอาตามข้อมูลที่เราไปหาข้อมูลมาได้และตามข้อมูลที่เราได้เข้าใจในเบื้องต้นรอยพระพุทธบาทก็คือรอยของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้เดินผ่านไปตามเมืองต่างๆและได้ไปเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนให้กับหลายๆเมืองและหลังจากนั้นชาวบ้านเขาก็อยากจะสร้างสิ่งประดิษฐานให้เป็นสิ่งลำลึกถึงการมาของพระพุทธเจ้าเอาไว้

นอกจากนี้ในเวลานั้นเองทางชาวบ้านเขาก็ได้คิดอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นถึงศาสดาที่ใหญ่ที่สุดของศาสนาพุทธเขาไม่อาจร้วงเกินที่จะสร้างรูปปั้นขึ้นมาหรือสร้างอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสิ่งแทนของพระพุทธเจ้าได้รวมไปถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้บอกเอาไว้ว่าจงอย่าได้ยึดติดกับวัตถุให้จำหลักคำสั่งสอนและนำเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันจะดีที่สุด

เพราะฉะนั้นแล้วเลยได้ทำให้ชาวบ้านเขาเลยไม่ได้สร้างสิ่งประดิษฐานหรืออะไรก็แล้วแต่เอาไว้เลยแต่มันก็ได้มีชาวบ้านบางกลุ่มที่เขาอยากจะสร้างได้ไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวที่พระพุทธเจ้าเคยได้ไปเผยแผ่หลักธรรมคำสอนเอาไว้และได้พบรอยเท้าของพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนั้นเขาเลยได้เก็บรักษาพื้นที่บริเวณนั้นเอาไว้เป็นอย่างดี

เมื่อเวลามันได้เลยผ่านไปดินมันก็เริ่มแข็งตัวและบางทีมันก็เกิดการทบทมกลายเป็นหินกลายเป็นสิ่งต่างๆขึ้นมาและหลังจากนั้นพื้นที่ตรงนั้นก็กลายเป็นร่องรอยพระพุทธบาทที่เราจะได้เห็นกันทุกวันนี้นั่นเองและนี่ก็เป้นข้อมูลเบื้องตต้นที่เกี่ยวกับที่มาของเขาคิชกุฎและร่องรอยพระพุทธบาทนั่นเอง

เนื่องจากนี้หลายคนก็อาจจะสงสัยว่าเรื่องนี้มันก็เหมือนประวัติทั่วไปไม่ใช่เหรอคือเราอยากจะบอกว่าสิ่งที่เราได้กล่าวไปข้างต้นมันเป็นเพียงแค่ประวัติเบื้องต้นเท่านั้นความหลอนความน่ากลัวและอาถรรพ์ต่างๆถ้าเอาตามข้อมูลที่เราได้ไปตามหามาได้มันจะเป็นเพียงข้อมูลกลุ่มใหญ่เพียงกลุ่มเดียวที่ไม่สามารถจำแนกแยกข้อมันออกมาได้แลยแต่ละข้อและเหตุการณ์มันก็มีมากมายที่เราเองก็ยังไม่เคยได้พบเจอขึ้นอยู่กับอาถรรพ์และความน่ากลัว

 

สนับสนุนโดย.    เว็บพนันบอล ฝากขั้น ต่ำ 100 โบนัส 100

ใจกลางโลกมีเมืองใต้พิภพอยู่จริงหรือเปล่า

ทางนักวิทยาศาสตร์เขาคาดเดาได้แค่ว่าใต้พื้นโลกที่เราได้ยืนอยู่ตรงนี้มีพื้นที่จำนวนชั้นที่แบ่งกันอยู่ประมาณ5ชั้นด้วยกันนั่นก็คือชั้นธรณีภาคชั้นฐานธรณีภาคเนื้อโลกแกนโลกชั้นนอกและแกนโลกชั้นในโดยส่วนใหญ่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่เขาก็จะเชื่อกันแบบนี้

ดังนั้นเราจะถามว่ามีนักวิทยาศาสตร์บางคนหรือมีกลุ่มคนบางกลุ่มเขามีความเชื่อกันแบบอื่นหรือเปล่าต้องขอบอกเลยว่ามีและทฤษฎีค่อนข้างน่าสนใจเลยแต่ทฤษฎีที่เราได้พูดถึงตรงนี้มันก็ยังได้มีอยู่อีกหลากหลายทฤษฎีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลกแบนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลกที่เป็นวงรีหรือแม้แต่โลกเป็นทรงสี่เหลี่ยมก็มีอยู่เช่นกัน

นอกจากนี้ในทฤษฎีที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดที่ได้รองลงมาจากเรื่องที่เขาได้สรุปลงไปแล้วนั่นก็คือนั่นก็คือ ทฤษฎีโลกกลวงนั่นเองโดยในทฤษฎีโลกกลวงตรงนี้ตามข้อมูลที่ได้บันทึกเอาไว้เขาได้บอกเอาไว้ว่าทฤษฎีโลกกลวงตรงนี้ถูกพูดถึงและถูกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก

เมื่อได้ในปี 1692 โดยนักดาราศาสตร์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า Edmond Halley จากทฤษฎีที่เขาได้ตั้งคำถามเข้ามาในหัวและได้ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่าโลกของเราจากการตรวจสอบในเวลานั้นแล้วก็ได้ค้นพบว่าโลกของเรามีสนามแม่เหล็กหนึ่งสนามและสนามแม่เหล็กเหล่านั้นมีการผันเปลี่ยนผันแปลอยู่ตลอดเวลาเขาจึงได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมสนามแม่เหล็กของแต่ละที่มันไม่เหมือนกันและทำไมมันได้มีการเปลี่ยนแปลอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งได้คิดไปคิดมาเขาก็ได้ตั้งทฤษฎีขึ้นมานั่นก็คือทฤษฎีที่บอกว่าโลกของเรานั้นมีแกนโลกและมีใจกลางโลกอีกจุดหนึ่งที่ได้ปล่อยสนามแม่เหล็กที่แตกต่างกันออกมาและมันก็ไม่เหมือนกับสนามแม่เหล็กที่อยู่ภายนอกโลกนั่นเองและหลักจากที่ Edmond Halleyเขาได้ตั้งทฤษฎีนี้ขึ้นมาเขาก็ได้อธิบายให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนและคนทั่วไปหลายๆคนให้เข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีของเขาในเรื่องของโลกและภายใต้พื้นดินนี้ว่า

โดยโลกของเราจริงๆแล้วประกอบไปด้วยสันฐานอยู่4ชั้นด้วยกันโดย4ชั้นตรงนี้แต่ละชั้นจะวางซ้อนทับกันอยู่และตรงกลางก็จะเป็นช่องกลวงและใจกลางนั้นจะมีดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่งได้ตั้งอยู่ใจกลางนั้นคอยให้แสงสะหว่างกับพืชกับสัตว์ที่ได้อยู่ใจกลางโลกและปล่อยสนามแม่เหล็กที่มันแตกต่างจากสนามแม่เหล็กนอกโลกให้ออกมานั่นเองและก็ยังไม่ได้มีข้อมูลใดๆที่เพิ่มออกมาออกมาแต่อย่างใด

 

สนับสนุนโดย  u12

ตำนานผีช่องแอร์

      สำหรับเรื่องเล่าผีช่องแค่นี้เป็นเรื่องที่มีการเล่ากันถึงกลุ่มนักดนตรี 6 คนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้และตกกลางคืนเขาก็ต้องเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งในห้องพักของพวกเขานั้นมีเพื่อนนักดนตรี

คนหนึ่งสังเกตเห็นว่ามีริ้วผ้าห้อยลงมาจากแอร์ที่อยู่ด้านบนเพดานพวกเขาจึงพยายามดึงผ้านั้นออกมาแต่ผ้าก็ไม่หลุดพวกเขาจึงได้แกะช่องดังกล่าว

และเมื่อแกะก็พบว่ามีหัวของหญิงสาวคนหนึ่งถูกติดเอาไว้กับช่องแอร์และใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็มองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่เครียดแค้นสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากซึ่งแม่บ้านที่ดูแลโรงแรมดังกล่าวได้เล่าว่าปกติ

แล้วห้องพักดังกล่าวจะไม่เปิดให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการจะมีการปิดไปเอาไว้แต่ในวันดังกล่าวนั้นเกิดเหตุการณ์ห้องพักเต็มและผู้เช่าทั้ง 6 คนนั้นก็มาเช่าในเวลาช่วงดึกแล้วจึงหาที่พักที่อื่นไม่ทันทั้งโรงแรมจึงได้เปิดห้องดังกล่าวให้ลูกค้าเข้าพักนั้นเอง ส่วนสาเหตุที่มีผีในห้องดังกล่าวนั้นแม่บ้านของโรงแรมได้เล่าว่า

มีอยู่วันหนึ่งมีฝรั่งคนนึงได้พาหญิงสาวชาวไทยมาเข้าพักที่โรงแรมและพักในห้องนั้นต่อมาทั้งคู่เกิดทะเลาะกันและฝรั่งคนนั้นได้ฆ่าหญิงสาวตายหลังจากนั้นก็ตัดคอเธอแล้วนำไปซ่อนไว้บนช่องแอร์โดยฝรั่งคนดังกล่าวได้นำผ้าสีขาวผูกศีรษะของเธอไว้กับช่องแอร์

รวมถึงเอาเส้นผมของเธอพันไว้กับใบพัดของแอร์ด้วยเมื่อท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบจบจึงพบแค่เพียงร่างที่ไร้ศีรษะของหญิงสาวหายอย่างไรก็หาไม่เจอจนเวลาผ่านไปประมาณ 3 วันคนที่มาใช้บริการในห้องดังกล่าวได้กลิ่นเหม็นเน่า

จึงพาการค้นหาใหม่อีกครั้งหนึ่งจึงทำให้เห็นว่าศีรษะของหญิงสาวนั้นผูกติดอยู่บนช่องแอร์นั่นเองและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปห้องดังกล่าวก็ถูกปิดตายไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าไปใช้บริการอีกเลย

ซึ่งเหตุการณ์สยองขวัญครั้งนั้นยังไม่จบเมื่อนักดนตรีทั้ง 6 คนที่ได้เจอกับผีช่องแอร์นั้นต่างก็พากันทยอยตายทีละคนสองคนโดยแต่ละคนนั้นก็ตายจากอุบัติเหตุจนในที่สุดเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอดอยู่

และพวกเขานั้นได้ไปเจอกับพระรูปหนึ่งได้บอกให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปทำบุญสังฆทานเนื่องจากว่าเขาทั้งสองคนนั้นกำลังถูกวิญญาณของพี่สาวตอนหนึ่งตามมาเอาชีวิตและเมื่อทั้งคู่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับหญิงสาวคนดังกล่าวก็ทำให้เขาทั้งสองคนนั้นรอดชีวิตและตำนานเรื่องเล่าของผีสาวในช่องแอร์นี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องผีช่องแอร์ให้ผู้คนนั้นได้ชมกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์

ศุกร์13เป็นจริงหรือว่าเรื่องแต่งขึ้นมา?

สำหรับข้อมูลของตัวเลข13ต้องขอบอกก่อนเลยว่าตัวเลข13ตามความเชื่อเขาได้หมายถึงตัวเลขแห่งความโชคร้ายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันถ้าเอาข้อมูลที่เก่าที่สุดเขาบอกว่าตัวเลข13นี้บาบิโลนในสมัยก่อนมันเป็นตัวเลขแห่งโชคร้าย

ถ้าใครมีตัวเลขนี้อยู่อาจจะเกิดผลร้ายในด้านต่างๆในครอบครัวคนเหล่านั้นเขาเลยตั้งกฎขึ้นมาว่าทุกสิ่งทุกอย่างในกรุงบาบิโลนตอนนั้นจะต้องไม่มีการเเสดงเลข13แม้แต่เลขเดียวเลย

นอกจากนี้ืในความเชื่อของอียิปต์เลข13เขามีความหมายเกี่ยวกับความตายก็มีด้วยเช่นกันดังนั้นแล้วสิ่งเหล่านี้เลยทำให้คนคริสเตียนได้มองว่า วันศุกร์ กับ เลข13 มันเป็นสิ่งที่เป็นวันดวงซวยทั้งสองอันถ้าวันใดวันหนึ่งมันได้มาอยู่รวมกันเมื่อไรวันนั้นเขาจะถือว่าเป็นวันวิปโยคที่จะเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้นบนโลกนี้และอาจจะมีการทำให้มีการสูญเสียมากก็เป็นได้

ดังนั้นตรงนี้เองก็เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของวันศุกร์และเลข13ที่เราได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อในอดีตที่ผ่านมาแต่ถามว่าถ้าเอาความเชื่อในรู้แบบของดั่งเดิมที่เกี่ยวกับวันศุกร์ที่13ที่เขาได้เอามารวมกันแล้วมันเป็นแบบที่บอกจริงหรือเปล่า

ซึ่งถ้าหากว่าเอาตามความเชื่อตามที่เรานั้นได้หามาได้มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น100%คือตามความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของศุกร์13มันได้มีอยู่หลากหลายตำนานมากแต่มันจะมีอยู่หนึ่งตำนาที่คำพูดถึงกันมากที่สุดและคนเชื่อว่านี่คือตำนานแบบออริจินอลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของศุกร์13นั่นก็คือเรื่องของThe Last Supperหรืออาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู

โดยข้อมูลตรงนี้เขายังได้บอกเอาไว้อีกว่าThe Last Supperหรืออาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในอดีตเกี่ยวกับเรื่องของว่าหารมื้อนี้เป็นอาหามื้อสุดท้ายที่พระเยซูได้กินร่วมโต๊ะกับผู้นั่งโต๊ะทั้ง12

ซึ่งผู้นั่งโต๊ะทั้ง12เป็นลูกศิษย์ที่เคารพพระเยซูทั้งหมดเลยแต่ในวันนั้นเองได้มีหนึ่งในลูกศิษย์คนหนึ่งที่มีนามว่าจูดาสเขาได้ทำการทรยศพระเยซูและได้ทำการให้เกิดวันมหาวิปโยคเกิดขึ้นนั่นก็คือเขาได้ทำการจับพระเยซูขึงไม้กางเขนแล้วก็เกิดเป็นเนื้อเรื่องแบบที่เรารู้เกี่ยวกับเรื่องของพระเยซู

เนื่องจากนี้ในตามความเชื่อของคริสเตียนเขาเลยมองว่าเลข13คือจำนวนผู้นั่งโต๊ะทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพระเยซูในตอนนั้นและตำแหน่งที่13คือตำแหน่งที่ยูดาสเขาได้นั่งอยู่แล้วที่สำคัญไปกว่านั้นคือวันที่พระเยซูเขาถูกตึงแขนนั่นคือวันศุกร์ด้วยตรงนี้เลยทำให้ชาวคริสเตียนเขามองว่านี่คือต้นตอความดวงซวยและเป็นตัวเลขกับวันที่แย่ที่สุดที่เขารู้ในตำนานที่ผ่านมานั้นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  letou ฟรีเครดิต

ตำนานพระธุดงค์ จ.สุรินทร์

เนื่องจากนี้ได้มีพระธุดงค์สองรูปที่ได้ธุดงค์อยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดสุรินทร์และได้จำวัดสวดมนต์อยู่เป็นเวลาหลายวันด้วยกันจากนั้นช่วงตีสี่พระทั้งสององค์ก็ได้ออกมาทำวัดสวดมนต์จนถึงเช้าจากนั้นได้ถึงเวลาบิณฑบาต

แต่ว่าพระอาจารย์ได้บอกกับเขาว่าวันนี้ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอกนั่งอีกสักพักชาวบ้านก็จะเข้ามาทำบุญที่นี่เองตัวของเขาก็เริ่มเอะใจและพระอาจารย์พูดต่อท่านจำเอาไว้เดี๋ยวตอนที่ชาวบ้านมาทำบุญใส่บาตรเรานั้นท่านจงสังเกตเอาไว้ให้ดีๆจะมีหญิงวัยกลางคนอยู่สองคนที่จะแต่งตัวไม่เหมือนคนในพื้นที่นี้และกับข้าวที่จะนำมาถวายเรานั้นก็จะไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปบริเวณนี้

ซึ่งพระพงษ์ท่านก็พึ่งจะบวชได้แค่เพียงเดือนเดียวเองแต่ก็ได้รับฟังในสิ่งที่พระอาจารย์นั้นได้บอกว่าและท่านก็ได้บอกต่อไปอีกว่าถ้าหญิงวัยกลางคนสองคนนี้เขานำข้าวและกับข้าวมาประเคนเราก็ต้องรับด้วยนะท่านไม่ว่าเขานั้นจะมาดีหรือว่ามาร้ายเราก็ต้องรับประเคนเอาไว้ก่อน

เมื่อพระพงษ์ท่านได้ฟังแบบนั้นก็ตกปากรับคำอาจารย์ไว้พอเวลาผ่านไปเข้าช่วงเจ็ดโมงเช้าชาวบ้านก็เริ่มมาจริงต่างพากันเข้ามาใส่บาตรในสมัยนั้นทางภาคอีสานชาวบ้านส่วนใหญ่จะแต่งกายคล้ายกันหมดเลยและก็เป็นตามที่พระอาจารย์ได้บอกเลยให้สังเกตหญิงสองคนที่แต่งกายไม่เหมือนชาวบ้าน

ซึ่งพระพงษ์ก็ได้เห็นมีผู้หญิงสองคนจริงโดยได้แต่งกายดีมากดูลักษณะอายุจะไม่เกิน50ปีเธอทั้งสองใส่กางเกงผ้าสแลคเสื้อธรรมดาผิดกับชาวบ้านคนอื่นๆพระพงษ์ก็สงสัยว่าพระอาจารย์มีเรื่องอะไรในใจกันแน่พอเสร็จจากการให้ศีลให้พรเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่ชาวบ้านจะเข้ามาประเคนข้าวกับข้าวที่ชาวบ้านนำเอามาใส่บาตรทำบุญกันนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวเหนียวและปลาที่จับได้ตามท้องนา

เมื่อถึงเวลาที่สองหญิงแต่งตัวไม่เหมือนใครที่พระอาจารย์ได้บอกเอาไว้เธอก็ได้แยกมาประเคนอาหารให้กับพระทั้งสองพระพงษ์ก็ได้สังเกตกับข้าวที่สองหญิงมาถวายให้กับพระทั้งสองนั้นเป็นข้าวสวยธรรมดาและอาหารก็ไม่เหมือนกับชาวบ้านจริงๆ

ในขณะที่หญิงกำลังประเคนหญิงดังกล่าวก็ได้พูดกับพระอาจารย์ว่าพระจารย์ไม่ใช่คนที่นี่คงจะฉันข้าวเหนียวไม่ค่อยชินก็เลยทำอาการภาคกลางมาถวายจากนั้นก็ได้ให้พรชาวบ้านจะได้กลับกันก่อนจะได้ไม่ต้องมารอพระฉันข้าวเสร็จแล้วพระจารย์ก็ได้หันมาบอกกับพระพงษ์ว่าอย่าได้ฉันข้าวที่หญิงคนนี้มาถวาย

โดยพระพงษ์ก็สงสัยพระอาจารย์ก็บอกว่าให้เอากับข้าวของหญิงสาวมาใส่เอาไว้ในบาตรให้หมดพอทำวัดเสร็จแล้วมาเปิดดูพระพงษ์กลับพบว่าเป็นเม็ดทรายและตะปูเต็มไปหมดตอนนั้นพระพงษ์ถึงกับอึ่งไปเลย

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า คือ