ตำนานนางคนครัวเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า

   มีเรื่องเล่าขานมานานนมถึงเด็กสาวคนนึงที่แต่เดิมที่บ้านมีฐานะร่ำรวยแต่เมื่อแม่ได้เสียชีวิตลงไปพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งภรรยาใหม่ของพ่อนั้นก็มีลูกสาวติดมาด้วยอีก 2 คนแล้วต่อมาไม่นานพ่อของหญิงสาวคนดังกล่าวก็เสียชีวิตลงไป

ทำให้หญิงสาวต้องอยู่กับแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนจากเดิมที่มีชื่ออันไพเราะสะสวยกับถูกเรียกขานใหม่ว่าเป็นนางซินเดอเรลล่าหญิงสาวก้นครัว ซินเดอเรลล่าอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงในบ้านของตนเอง

ซึ่งแม่เลี้ยงได้ฮุบมรดกของซินเดอเรลล่าทั้งหมด และเลี้ยงดูซินเดอเรลล่าเหมือนกับสาวใช้เพราะเธอต้องทำงานบ้านเองทุกอย่างโดยที่แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองคนทำตัวสบายเหมือนกับเป็นนายจ้างอยู่มาวันหนึ่งทางพระราชวังได้มีการประกาศให้มีการเชิญชวนหญิงสาวที่ยังไม่มีพันธะกับชายใดเป็นหญิงสาวที่โสดไปงานเลี้ยงในปราสาทราชวังแม่เลี้ยงได้พาพี่สาวทั้งสองคนของเธอเดินทางเข้าไปที่ปราสาทเพื่อหวังจะได้เต้นรำกับเจ้าชายและได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชาย

แต่ในขณะเดียวกันติดกันให้ซินเดอเรลล่าอยู่แต่ในบ้านและทำงานบ้านหากทำงานบ้านไม่เสร็จเธอก็ไม่สามารถไปไหนได้แต่ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พบปัญหาใหม่อีกว่าเธอไม่มีชุดที่จะสวมใส่ไปในงานและนั่นเองทำให้มีนางฟ้าใจดีลงมาช่วยเหลือเธอ ด้วยการใส่ชุดให้เธอสวมใส่รองเท้าแก้วให้เธอใส่ไปงานรวมถึงเสกรถฟักทองเธอไปยังปราสาทราชวัง

และเมื่อเธอเข้าไปในงานเจ้าชายก็หลงเสน่ห์เธอและเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนที่นางฟ้านัดกับซินเดอเรลล่าให้รีบกลับบ้านเพราะหลังเที่ยงคืนไปแล้วเธอจะกลายร่างเป็นนางก้นครัวเหมือนเดิมทำให้ซินเดอเรลล่าต้องรีบวิ่งออกมาจากประสาทและสะดุดล้มตรงบันไดมีผลให้รองเท้าข้างนึงของเธอตกอยู่รุ่งเช้าเจ้าชายจึงได้ให้ทหารออกติดตามหาเธอจนไปถึงบ้านของแม่เลี้ยงของซินเดอเรลล่าและในที่สุดเจ้าชายก็ได้พบกับซินเดอเรลล่าและแต่งงานกันในที่สุดตำนานของซินเดอเรลล่าเป็นตำนานเล่าขานถึงความรักอันยิ่งใดที่เจ้าชายมีต่อซินเดอเรลล่าถึงแม้จะเหลือ

แค่รองเท้าข้างเดียวให้ดูต่างหน้า เจ้าชายก็พยายามติดตามหาตัวเจอหน้าหญิงที่รักจนพบและสามารถได้ครองคู่กันนิทานเรื่องนี้เป็นนิทานในตำนานที่เด็กๆชื่นชอบกันเป็นอย่างมากหากพ่อแม่เล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนเด็กๆส่วนใหญ่ก็จะนอนหลับฝันดีนิทานเรื่องนี้ยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายครั้ง

รวมถึงวิธีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเรียกว่าถึงแม้จะผ่านมากว่า50 ปี แต่งนิทานเรื่องนี้ก็ยังถือว่าเป็นนิทานอมตะของวอลดิสนี่เลยทีเดียว นิทานเรื่องนี้ยังอยู่ในใจของใครหลายๆคนรวมถึงเด็กๆในปัจจุบันก็ยังต้องหาซื้อนิทานเรื่องนี้มันอ่านกันทุกคน 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนมาจาก  rb88