เครื่องปั้นดินเผากับคณิตศาสตร์

เครื่องปั้นดินเผากับคณิตศาสตร์ เมื่อนำมารวมกันแล้วคือศิลปะชิ้นเอก

เครื่องปั้นดินเผาคืออะไร

คือการที่เรานำเอามาดินเหนี่ยวมาปั้นให้เป็นรูปทรงต่างต่างตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหม้อ ไห  ชาม และอื่นอื่นอีกมากมาย เครื่องปั้นดินเผาถูกค้นพบมากตั้งแต่สมัยโบราณมีซึ่งมีข้อมูลว่ามีการใช้เครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่เมื่อหนึ่งพันปีมาแล้ว

การที่มนุษย์เราผลิตเครื่องปั้นดินเผาเอาไว้ใช้สอยนั้นก็เปรียบเสมือนมนุษย์เรากำลังประดิษฐ์ผลงานชิ้นเอกที่จะเอาใช้งานนั้นเอง ซึ่งการปั้นดินเผาให้ออกมามีรูปร่างลักษณะต่างต่างกัน ถือว่าเป็นการผลิตผลงานทางด้านศิลปะอีกแขนงหนึ่งก็ว่าได้

ซึ่งเราเรียกศิลปะเครื่องปั้นดินเผานี้ว่า ศิลปะทางด้านประติมากรรม  นั่นก็เพราะว่าคำนิยามของคำว่าศิลปะก็คือ สิ่งที่มนุษย์เราเป็นคนที่สร้างขึ้นไม่ว่าอะไรก็แล้วที่มาจากฝีมือการทำมาจากฝีมือมนุษย์สิ่งนั้นคือศิลปะทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การถ่ายภาพ การออกแบบสร้างบ้าน การสร้างพระพุทธรูป และอื่นอื่นอีกมากมาย

แต่การที่เราเห็นดอกไม้สวย ต้นไม้สวย สิงเหล่านี้ไม่ใช่ศิลปะ เพราะทั้งดอกไม้และต้นไม้นั้นเกิดมาจากธรรมชาติไม่ได้เกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ การทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ถือว่า ชาวบ้านที่ยังมีการปั้นเครื่องปั้นดินเผาอยู่กำลังสืบสานอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านเอาไว้ และศิลปะเครื่องปั้นดินเผานี้เป็นศิลปะท้องถิ่น

เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่มีการช่วยการทำสืบทอดต่อต่อกันมา ผลงานของศิลปะเครื่องปั้นดินเผา ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ในตอนนี้ ก็เช่น การทำแจกัน   การทำโอ่ง การทำไห การทำอ่างใส่น้ำ การทำครก หรือแม้แต่การชามใส่ของเป็นต้น

ซึ่งตอนนี้มีหลายจังหวัดที่ยังคงรักษาสืบทอดการทำศิลปะเครื่องปั้นดินเผาเอาไว้ โดยแต่ละที่และแต่ละท้องถิ่นก็จะมีเอกลักษณะและลวดลายในการทำเครื่องปั้นดินเผาที่แตกต่างกัน และแต่ละผลงานก็จะมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกันด้วย และที่เรานำหลักการทางคณิตศาสตร์มารวมกับงานศิลปะแล้วกลายมาเป็นเครื่องปั้นดินเผานั้น

ก็เพราะว่าการที่เราจะทำเครื่องปั้นดินเผาออกมาเป็นผลงานสักชิ้น เราต้องมีการคำนวณจึงกึ่งกลางของการปั้นคำนวณ เวลาในการนำเครื่องปั้นดินเผามาพึ่งลมว่าต้องใช้กี่นาที หรือกี่ชั่วโมง และยังต้องมาคำนวณอุณหภูมิที่ใช้งานการเผาต้องใช้กี่องศา

ถึงจะทำให้ผลงานที่เราทำออกมาสมบูรณ์และสวยงามได้ และนี่คือส่วนที่บ่งบอกว่าเราทำศิลปะเครื่องปั้นดินเผาก็ต้องนำหลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนกัน

  โดยการใช้หลักการคำนวณแบบแคลคูลัสเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นการคำนวณสวนเว้าส่วนโค้งของผลงาน ซึ่งการออกแบบรูปทรงของเครื่องปั้นดินเผาด้วยการนำหลักการคำนวณแบบแคลคูลัสมาใช้ประโยชน์นั้นจะทำให้สิ่งที่เราปั้นออกมาได้รูปทรงที่สวยงาม