ความเชื่อตำนานแวมไพร์

 

สำหรับความเชื่อเรื่องแวมไพร์หรือว่าแดรกคิวล่า ซึ่งเราได้ไปค้นเจอข้อมูลที่สำคัญอยู่สองเรื่องใหญ่ๆที่เขาคลาดกันว่า แวมไพร์มันอาจจะมีอยู่จริงๆบนโลก โดยข้อมูลแรกเขาได้บอกเอาไว้ว่า จากความเชื่อของคนสมัยก่อนคนที่ได้ถูกฝั่ง

หรือว่าคนที่ได้ตายลงไปแล้วแต่ว่าร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย แสดงว่าศพนั้นคือแวมไพร์แต่แวมไพร์ในที่นี้ไม่ใช่ผีแต่มันได้เป็นโลกของแวมไพร์ โดยเรื่องนี้มันได้เกิดขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่13-15โดยประมาณ โดยคนในยุคก็ได้มีความเชื่อในเรื่องของภูผีวิญญาณทางฝั่งแทบยุโรปกันเป็นหลักและตัวช่วยของแวมไพร์ก็ค่อนข้างที่จะโด่งดังแล้ว

ก็มีทั้งเรื่องเล่าที่ได้บอกต่อๆกันมารวมถึงได้มีคนบางคนได้ออกมาปากประกาสว่าเคยเจอแวมไพร์ตัวจริงๆและเกือบโดนแวมไพร์บุกก็มีมาแล้วเหมือนกันจากนั้นเขาก็เลยต้องการที่จะพิสูจน์ว่าแวมไพร์มันมีอยู่จริงๆหรือเปล่า

โดยความเชื่อของคนในสมัยก่อนเชื่อว่าแวมไพร์จะต้องนอนอยู่ในโลงศพตอนเช้าเหมือนในหนังหรือว่าในนิยายที่เรานั้นได้อ่านและเขาก็ยังได้บอกอีกว่าในตอนเช้าแวมไพร์ก็จะมีสภาพเหมือนกับคนตายเลยแต่จะต่างกับคนตายตรงที่ว่าเนื้อหนังเล็บเส้นผมจะเสมือนว่ามีชีวิตอยู่ตลอดเวลาเส้นผมก็จะยาวขึ้นมาเรื่อยๆเล็บมันก็จะงอกออกเรื่อยเนื้อ

ก็จะไม่เน่าไม่เปื่อยจากนั้นเขาก็เลยได้มีการพิสูจน์ด้วยการที่ว่ามีข่าวหรือมีคนบอกต่อว่ามีแวมไพร์อยู่ที่นู้นที่นี่ที่ไหนก็จะมีคนเข้าไปตรวจสอบด้วยการขุดเข้าโลงศพที่อยู่ใต้ดินเอาขึ้นมาจากหลุมที่ฝั่งศพจากนั้นก้มาดูกันว่าศพที่นอนตายอยู่ในโลงนั้น

มันได้มีการเน่าเปื่อยตามระยะเวลาที่ได้กำเนิดหรือไม่ถ้าไม่เน่าเปื่อยก็จะสันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่าเป็นแวมไพร์โดยตามบันทึกเขาได้บอกว่าได้มีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีการเปิดโลงศพของคนที่ตายไปแล้วอยู่ประมาณ5โลงพร้อมกันขึ้น

มาปรากฎก็ได้พบว่า4โลงศพเน่าเปื่อยตามระยะเวลาแต่อยู่1โลงศพที่ไม่เน่าเปื่อยและยังได้มีสภาพเหมือนคนปกติโดยทั่วไประยะที่ศพตนนี้เสียชีวิตเวลามันก็ได้ผ่านมานานเป็นปีแต่ทำไมศพนี้มันยังไม่เน่ามันยังไม่เปื่อยเขาก็เลยสงสัยกันว่ามันเป็นไปได้ยังไง

และจุดที่มันได้แปลกมากที่สุดก็คือมีเลือดอยู่ที่บริเวณปากและมันได้ไหลลงมาที่บริเวณเสื้อ ซึ่งศพที่ได้เสียชีวิตมาแล้วปีกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีเลือดออกจากปากได้แล้วมันควรจะเน่ามันควรจะเปื่อยไปได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  bk8